อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) ดึงกลยุทธ์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 (อินเด็กซ์ เน็กซ์พีเรียนซ์ 2022) รุกสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ ตั้งเป้าปี 2022 ยอดขายเติบโต 10% กวาดรายได้ 8,200 ล้านบาท ประเดิม Collaboration Marketing จับมือ ‘วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา’ ปั้นแบรนด์ ‘DREAMIA’ หมอนไฮบริด 7 นวัตกรรม เจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคNext Normal
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2022 ยังคงเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยการระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม
เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางความท้าทายและตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2022 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 ที่มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า Next Normal ทั้งช่องทางออฟไลน์&ออนไลน์ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มารวบรวม วิเคราะห์ตัวตน ความชอบ พฤติกรรมการช้อปของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
รวมถึงการ สร้างสรรค์ New Store Format เพื่อประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีของลูกค้า ทั้งการจัดดิสเพลย์สินค้าแต่ละแคทติกอรี่ให้แตกต่างและโดดเด่น ผสานความร่วมมือจากร้านค้าผู้เช่าพื้นที่ด้วยสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ รวมถึงเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าภายในสาขาต่างๆ มากขึ้น
สำหรับกลยุมธ์แรกภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 นี้ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังได้นำกลยุทธ์ Collaboration Marketing มาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนธุรกิจโดยในไตรมาสแรกนี้ได้Collaboration กับ คุณวู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ในการร่วมสร้างแบรนด์ “DREAMIA” หมอนไฮบริด เพื่อรองรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าที่นอนและเครื่องนอน ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ให้หลากหลาย เพื่อสอดรับกับความต้องการที่มากขึ้นโดยในปี 2021 มีการเติบโตถึง 16 % จากการที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะการนอนหลับซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม และข้อมูลจากการสำรวจ Super Poll เกี่ยวกับการนอนหลับของคนไทยทั่วประเทศ 1,109 ตัวอย่าง (ณ กันยายน 2564) ยังพบว่า30-40 % ของประชากรไทยหรือราว 19 ล้านคนต้องเผชิญปัญหานอนไม่หลับ โดยระบุสาเหตุจากที่รองนอน ฟูก และหมอน ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการนอนถึง 96.5%
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดกลุ่มเครื่องนอนและหมอนเพื่อสุขภาพจะมีจำนวนผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายจำนานมาก แต่บริษัทมองว่ายังมีโอกาสและช่องว่างในการทำตลาด โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่ม Premium Segment และกลุ่ม Health Conscious ที่มีกำลังซื้อสูง ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งคาดว่าจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้วางแผนงานด้านการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ DREAMIA โดยทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้หมอนที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอน ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดย คาดว่า แบรนด์ DREAMIA จะช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องนอนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับจุดเด่นของหมอน DREAMIA นำเสนอความแตกต่างด้วยการนำ 7 นวัตกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อสร้างมิติใหม่แห่งการนอนแบบ All in one ได้แก่
โดยเบื้องต้นวางจำหน่ายที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ 31 สาขาทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น www.indexlivingmall.com Line / Facebook และ IG : Dreamia Official รวมทั้งช่องทางแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์ชั้นนำ
ด้าน นายวุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังและพันธมิตรทางการตลาดแบรนด์ DREAMIA กล่าวว่า “ความร่วมมือเพื่อสร้างแบรนด์ DREAMIA กับ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ครั้งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ เพราะร่างกายควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งการทำงาน การเดินทาง การมีหมอนที่นอนสบายเพิ่มประสิทธิภาพการนอน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น และเชื่อว่า
DREAMIA จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อหมอนที่ดีช่วยยกระดับการนอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น”
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในปี 2022 นี้ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ มีแผนงานขยายสาขาในประเทศ 1 สาขา ในรูปแบบ Mixed-use ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับตลาดที่อยู่อาศัยที่คาดว่าจะมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากแนวโน้มสัญญาณการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์และมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้ความต้องการเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ในส่วนของตลาดต่างประเทศ มีแผนขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์กับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเน้นไปที่กลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ บรูไน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ราว 5 สาขา ซึ่งอยู่ในระหว่างการหารือความร่วมมือและมองโอกาสในการทำตลาดร่วมกัน
นอกจากนี้ยังวางแผน Diversify ไปยังธุรกิจที่มีความ Synergy กับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ หรือขยายธุรกิจที่มองว่ายังมีช่องทางการทำตลาด เพื่อต่อยอดสร้างรายได้เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร โดยปัจจุบันได้ลุยเปิด Korean Supermarket ภายใต้ชื่อ SEOUL U MART รวม 2 สาขาตั้งแต่ปลายปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยตั้งเป้าการเติบโตในปี 2022 ไว้ที่ 10% คาดการณ์ยอดขายรวม 8,200 ล้านบาท
นอกจากแผนงานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในด้านต่างๆ แล้ว อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยแนวคิด “Sustainable Living for Future Lifestyle” ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการใช้พลังงานทดแทนจากการติดตั้ง Solar Rooftop ของสาขาต่างๆ โดยมีแผนติดตั้ง ครบทุกสาขา (ภายในปี 2570), การนำเทคโนโลยี Customize เฟอร์นิเจอร์ตอบโจทย์ดีไซน์เฉพาะบุคคล และผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยีคำนวณการใช้วัสดุไม้เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า, เพิ่มสัดส่วนการดีไซน์สินค้าและเลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิล เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภค
รวมทั้งการจัดการขยะและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management) ด้วยนโยบาย 3Rs Reduce, Reuse and Recycle เช่น การรีไซเคิลโดยนำเศษไม้ปาร์ติเกิ้ล กล่องกระดาษ ฯลฯ (จำหน่ายให้กับบริษัทคู่ค้า) เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง, การเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC), สนับสนุนสินค้าหัตถกรรมจากวิสาหกิจชุมชนเข้ามาจำหน่าย, การเปิดบริการสถานีประจุไฟฟ้ารองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station ), สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานผู้สูงอายุ-คนพิการและนักศึกษาจบใหม่ เป็นต้น ซึ่งเราจะคงเดินหน้าสานต่อโครงการต่างๆ และสร้างสรรค์โครงการใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป