MR.DIY พร้อมรุกตลาดปี 65 ประเดิมขยายสาขาเพิ่มเติม ขนทัพสินค้าตกแต่ง-ซ่อมแซมบ้านอัดโปรลดสูงสุด 30% กระตุ้นยอดใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ พร้อมขายชุดตรวจ ATK ราคาประหยัด ดึงกำลังซื้อช่วงไตรมาส 2 ล่าสุด เตรียมออนแอร์หนังสั้นออนไลน์ “เรือนอิจฉาริษยา”ตอกย้ำ การซ่อมและดูแลบ้านเป็นเรื่องง่าย ใครก็ทำได้ เพียงมาร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. จบในที่เดียว
นางสาวฐิตานันท์ ซุน กรรมการบริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ค้าปลีกจำหน่ายสินค้าต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านรายใหญ่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจไทยขณะนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว โดยได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งโควิด-19 และราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้สินค้าหลายรายการปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย แต่สำหรับร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ยังคงจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด
ทั้งนี้ แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาด แต่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้มีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อนุญาตให้เล่นน้ำและจัดกิจกรรมตามประเพณีสงกรานต์ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ แต่ต้องขออนุญาตการจัดงานในพื้นที่ที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งวันสงกรานต์ถือเป็นวันปีใหม่ไทยที่คนไทยยึดถือสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
ดังนั้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภค ร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ทุกสาขาทั่วประเทศได้จัดแคมเปญ “ช้อป ชุ่ม ฉ่ำ รับสงกรานต์” ลดราคาสินค้าสูงสุด 30% อาทิ ปืนฉีดน้ำ กระเป๋ากันน้ำ ผ้าขนหนู เสื้อกันฝน แว่นตากันน้ำ สระว่ายน้ำเป่าลม รองเท้าแตะ เป็นต้น ที่สำคัญเพื่อเพิ่มความมั่นใจฉลองเทศกาลสงกรานต์กับครอบครัวอย่างปลอดภัย ร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ยังขายชุดตรวจ ATK คุณภาพ ราคาประหยัดอีกด้วย สำหรับแคมเปญ “ช้อป ชุ่ม ฉ่ำ รับสงกรานต์” เริ่มตั้ง 15 มีนาคม - 15 เมษายน 2565
นอกจากแคมเปญแล้ว ล่าสุด มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ได้จัดทำหนังสั้นออนไลน์ เรื่อง “เรือนอิจฉาริษยา” (The ENVY House) เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องการซ่อมแซมและดูแลบ้านนั้น เป็นเรื่องง่าย ใครก็ทำได้ เพียงมาร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. จบในที่เดียว สำหรับหนังสั้นนี้จะออนแอร์ในช่องทางออนไลน์ เริ่มวันที่ 1 เมษายน 2565 ทั้งประเทศไทยและอีก 9 ประเทศทั่วโลก
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่งในไทย จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 400 สาขา ซึ่งถือเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากประเทศมาเลเซีย ขณะเดียวกัน
อีกหนึ่งแผนที่สำคัญคือ การเปิดแฟล็กชิพสโตร์สาขาแรกในช่วงกลางปีก็จะยังดำเนินต่อไป โดยอัดแน่นด้วยสินค้าคุณภาพกว่า 18,000 รายการ จาก 10 หมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ภายในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ประดับยนต์ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และอีกหลายรายการ”