นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือเปิดผนึกถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องข้อเสนอแนะในการยกเลิกระบบหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Thailand Pass) และมาตรการ “Test & Go” โดยระบุว่า แม้สำนักข่าวต่างๆจะรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
แต่กระนั้นผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเดือนเมษายนนี้มีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 11,623 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยต่อวันจำนวนกว่า 50,000 คนในเดือนเมษายน 2563 ทั้งนี้เนื่องจากถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกการแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย แต่ผู้เดินทางยังต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว และต้องทำการจองและชำระเงินค่าที่พักในโรงแรม1คืนอีกทั้งยังต้องซื้อประกันสุขภาพเพื่อขอรับวีซ่าและหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Thailand Pass) นั่นหมายถึงว่า ผู้เดินทางต้องผ่านกฎระเบียบหลายๆ ขั้นตอนกว่าจะเดินทางเข้าประเทศไทยได้
เนื่องจากสถานการณ์ของการเดินทางในปัจจุบันนักท่องเที่ยวต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆทำให้นักท่องเที่ยวต้องการความยืดหยุ่นในการวางแผนการเดินทาง มาตรการใดๆ ที่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมหรือมีข้อจำกัดด้านการเดินทางจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศนั้นๆดังนั้นเราจึงเห็นหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศทั้งหมด เพื่อเร่งฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ที่ได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวรวมถึงการลงทะเบียนขออนุญาตเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 และประเทศกัมพูชาที่ได้กลับมาเปิดให้บริการขอ Visa on Arrival สำหรับผู้เดินทางต่างชาติทุกคนยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจ RT-PCR ของโควิด-19 และยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (ATK) เมื่อเดินทางถึงประเทศกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2565 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศในภูมิภาคยุโรป ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศมัลดีฟส์ ที่ได้มีการผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดของตนเองด้วยเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรเลือกที่จะยึดตามหลักปฏิบัติที่ใช้กันในหลายๆ ประเทศ โดยการยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางทั้งหมด และกลับมาใช้กฎการเข้าประเทศเดิมของประเทศไทย ดังเช่นในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
ผมเชื่อว่ารัฐบาลไทยควรตระหนักว่าการติดเชื้อโอมิครอนจากในประเทศนั้นมีอัตราสูงกว่าการติดเชื้อจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงถึง 99 ต่อ 1 และผมยังเชื่อมั่นในประชาชนชาวไทยที่มีความเข้าใจในลักษณะโรคประจำถิ่นของเชื้อโอมิครอนและพร้อมรับมือให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่ดังนั้นเงื่อนไขที่ต้องมีการขออนุมัติเข้าประเทศล่วงหน้าและข้อกำหนดในการตรวจเชื้อโควิด-19เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยนั้นไม่มีความจำเป็นและไม่มีประสิทธิผล
ผมขอเสนอให้มีการยกเลิกระบบการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Thailand Pass) ข้อบังคับเรื่องการทำประกันสุขภาพ และการตรวจโควิดเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยอย่างทันทีเนื่องจากเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสหรือใบรับรองแพทย์กรณีหายจากการติดเชื้อโควิด-19นั้นก็เพียงพอต่อการอนุญาตให้เข้าประเทศแล้ว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจัดเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทย ดังนั้น การร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ผมและผู้ประกอบการธุรกิจรายอื่นๆ พร้อมที่จะทำงานกับรัฐบาลเพื่อช่วยกันวางแผนฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย เพิ่มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว กระตุ้นอุปสงค์ ตลอดจนวางแนวทางด้านสุขภาพและอนามัยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ความพยายามต่างๆ เหล่านี้ เมื่อรวมกับการสื่อสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ จะช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยประสบความสำเร็จ ผมขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับการพิจารณาของท่านนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ หากท่านมีคำถามหรือข้อกังวลอื่นใด ผมหวังว่าจะมีโอกาสได้หารือในรายละเอียดกับท่านและคณะทำงานของท่านต่อไป