TIHTA แนะลุยตลาดเมดิคอล คานาบิช กรุยทางตลาดกัญชง กัญชา

22 เม.ย. 2565 | 09:33 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2565 | 16:40 น.

TIHTA ชี้ปลดล็อคกัญชง-กัญชาอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในการสร้าง New s-curve แนะผู้ประกอบการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เชื่อตลาดเมดิคอล คานาบิช เกิดแน่ หลังพฤติกรรมผู้บริโภคสนใจใช้พร้อมเลือกใช้ตำรับกัญชา-กัญชง เป็นตัวเลือกแรกในการรักษา

นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด เปิดเผยผ่านงานสัมมนา CANNABIS WEALTH “สูตร (ลับ) ฉบับ รวยด้วย ...กัญชา” ว่า การปลดล็อคกัญชง กัญชา เป็นโอกาสในการเปิด new s-curve ซึ่งในอดีตกัญชง กัญชาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เชิงพานิชย์ 

 

 

ทั้งนี้สมาคมอุตสาหกรรมการค้ากัญชงเองให้ความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชงซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมของคนทั้งประเทศ เพราะอุตสาหกรรมนี้เพิ่งเริ่มต้นและมีอายุแค่ขวบกว่าๆ ดังนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มีแนวทางการทำธุรกิจชัดเจน ผู้ประกอบการเองก็มีโอกาสจะเข้ามาแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ในหลายๆด้านในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทั้งประเทศตื่นเต้นในเรื่องของการปลูก และในปีนี้เป็นปีที่ตื่นตัวในการนำผลผลิตไปใช้ประโยชน์

"จริงแล้วพืชกัญชง กัญชาเหล่านี้เป็นของประเทศเรา แต่ในอุตสาหกรรมตอนนี้ส่วนใหญ่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามา เพราะฉนั้นจุดเริ่มต้นที่เราจะต้องเริ่มคือการมีสายพันธุ์ที่ชัดเจนมีการอนุมัติอย่างถูกต้องและส่งเสริมให้คนใช้อย่างถูกต้อง

 

ประเทศไทยอยู่ในจุดที่มีกฎหมายก้าวหน้าที่สุด สิ่งที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้คือการสร้างอุตสาหกรรมนี้ไปด้วยกันพร้อมกับกฎหมายที่มีการสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกๆส่วน"

ทั้งนี้ทางสมาคมได้วางแนวทางกาาแผนพัฒนาพืชเศรษฐกิจกัญชง ระหว่างปี 2565 - 2575ไว้คือการผลักดันพืชเศรษฐกิจกัญชงของประเทศไทยสู่ความเป็น ผู้นําในภูมิภาคเอเชีย ทั้งด้านการแพทย์ การท่องเที่ยว นวัตกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมซึ่งนําไปสู่รายได้และ ยุทธศาสตร์ของประเทศเป็นโอกาสที่ไทยจะได้ช่วงชิงตลาดกัญชง กัญชา และกระท่อม มูลค่า 8 แสนล้านบาท โดยมีอัตราเติบโจกว่า 25% ต่อปี และ 3-5 ปีข้างหน้ามูลค่าจะเพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านล้านบาท

 

สำหรับโอกาสทางธุรกิจของกัญชา กัญชง เริ่มแรกเป็นอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ อาทิเช่นการนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับมากกว่า 20 ล้านคน และต้องใช้เม็ดเงินในการซื้อยาตะวันออกเกือบแสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยเหล่านี้ ขณะที่น้ำมันกัญชาที่ทำอย่างถูกต้องและมีความปลอดภัยสามารถนำไปช่วยเรื่องเหล่านี้ได้ นี่เป็นหนึ่งในโอกาสใช้ประโยชน์และสร้างธุรกิจจากกัญชง กัญชา แต่สิ่งที่สำคัญคือความรับผิดชอบในฐานะผู้ผลิต เพราะหากดำเนินธุรกิจที่ปลอดภัยก็มีสิทธิ์ที่จะทำทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้รับผลกระทบ

 

อย่างไรก็ตามปัจุบันเทรนด์ผู้บริโภคเน้นไปที่เรื่องของการป้องกันก่อนการรักษาและสนใจในเรื่องของการใช้สารสกัดจากธรรมชาติในการรักษามากกว่าการใช้เคมี นอกจากนี้โควิดยังข้ามาเปลี่ยนความคิดคนให้ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น และเริ่มมองหาอาหารเสริม ซัพพลีเมนท์ต่างๆมากขึ้น ดังนั้นในแง่ของผู้ประกอบถ้ามีการคิดค้นลิตภัณฑ์อย่างมีความรับผิดชอบ ก็จะมีแนวทางใหม่ๆในการทำผลิตภัณฑ์จำนวนมากซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางออกของธุรกิจปลายน้ำ

 

นอกจากนี้รัฐบาลเองยังให้แนวทางการช่วยเหลือผู้เล่นในอุตสาหกรรมในการเปิดโอกาสต่างๆ เริ่มจากเมดิคอล แคนาบิช ดังนั้นในอนาคตจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆแต่ต้องทำอย่างสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพและซื่อสัตย์ต่อคนไข้ เพราะวันนี้มีผู้บริโภคมากกว่า 70% พร้อมที่จะลองใช้กัญชง กัญชาไม่ว่าจะเป็นป้องกันและรักษา

 

"ประเทศไทยมีตำรับยาัญชง กัญชาเรียบร้อยอยู่แล้ว แต่จะต้องมีการโปรโมทเพราะเรามองเห็นความสนใจของชาวต่างชาติทั้งที่อยู่ในไทยและที่อยู่ในต่างประเทศเริ่มเข้ามาสนใจในตำรับากัญชาแต่ละประเภทซึ่งสำหรับเหล่านี้เป็นทรัพย์สมบัติของชาติเรา มีความยากในการปรุงซึ่งจะต้องมีความรู้ มีเทคนิคในการปรุงตำรับยา เราก็อยากที่จะให้สิ่งเหล่านี้มีการทำอย่างมีมาตรฐาน มีความชัดเจนและมีการกำกับให้คนนำไปใช้

 

นอกจากเรายังพบว่าสารสกัด cbd cbg สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิคซึ่งตอนนี้ไฟเซอร์ก็เริ่มกระโดดเข้ามาทำเป็นเรื่องของกัญชา เพราะฉะนั้นทางเดินของกัญชา กัญชง ค่อนข้างมากทั้งในเรื่องของอุตสาหกรรมอุปโภค บริโภคกลุ่มเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างต่างๆ"