AAV แจงผลประกอบการ “ไทยแอร์เอเชีย”ไตรมาส1 ปี2565 ขาดทุน2,370.6 ล้านบาท

17 พ.ค. 2565 | 07:57 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2565 | 15:02 น.

AAV ประกาศผลประกอบการ “ไทยแอร์เอเชีย” ไตรมาส 1 ปี 2565 ขาดทุน 2,370.6 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมั่นใจการฟื้นตัวยังเเข็งเเกร่ง ยอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 48 % พร้อมเดินหน้าเปิดเส้นทางระหว่างประเทศต่อเนื่อง รับมาตรการผ่อนคลายเดินทางเข้าประเทศ

วันนี้ (วันที่ 17  พฤษภาคม 2565)  บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565  มีรายได้รวม 2,091.0 ล้านบาท และ ขาดทุน 2,370.6 ล้านบาท โดย TAA ฟื้นตัวแข็งเเกร่งอย่างน่าพอใจ มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 73 เพิ่มขึ้น 7 จุด ยอดขนส่งผู้โดยสารสูง 1.45 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

โดยราคาค่าโดยสารเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,018 บาทต่อคน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายและการบริการเพิ่มขึ้นตามปริมาณเที่ยวบิน กอปรกับราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยปรับขึ้นร้อยละ 61 จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 โดยหลักจากค่าธรรมเนียมการขายและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนของบริษัท

 

ทั้งนี้ยอดผู้โดยสารยังมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังมาตรการเข้าประเทศผ่อนคลาย ทำให้ TAA สามารถเพิ่มความถี่บินเเละเปิดเส้นทางใหม่ๆ ได้ต่อเนื่อง 

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าในไตรมาสที่ 1 เราได้รับสัญญาณที่ดีชัดเจนจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมาตรการการเดินทางเข้าประเทศที่ผ่อนคลายตามลำดับ จนถึงปัจจุบันในไตรมาสที่ 2 ที่ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศเเล้ว จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจ ในการเพิ่มเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยในไตรมาสนี้ TAA สามารถเพิ่มเที่ยวบินเป็น 11,002 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และวางเป้าหมายในการเพิ่มเส้นทางระหว่างประเทศใหม่ๆ ต่อเนื่องในตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ 

 

ล่าสุดเราพร้อมเปิดบินแล้ว 8 ประเทศ 19 เส้นทางบิน สู่ มัลดีฟส์ กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และลาว เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกๆ ในการกลับมาท่องเที่ยวใช้จ่ายอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 

 

“TAA เดินหน้ากลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน จึงทยอยเพิ่มปริมาณที่นั่งและเที่ยวบินให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ในไตรมาสที่ 1 ถือเป็นช่วงแรกของการฟื้นตัวธุรกิจที่น่าพอใจมาก และเราเชื่อมั่นว่าในไตรมาสต่อๆ ไป เราจะกลับมารุกตลาดเส้นทางระหว่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเส้นทางเดิมที่เราเคยให้บริการอยู่เเล้ว เเละสีสันใหม่ๆ ในเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่น  ที่ TAA จะบุกตลาดเป็นครั้งแรก ซึ่งขอให้ทุกคนรอติดตาม” นายสันติสุข กล่าว

 

ทั้งนี้ตลอดการดำเนินงาน TAA ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนามาตรฐานบริการ  โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัยเเละความตรงต่อเวลา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ TAA  โดยในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้รับรางวัลมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วยเรตติ้ง 7/7 จาก airlineratings.com ในขณะที่ TAA ติด 3 อันดับแรก “สายการบินราคาประหยัดที่ตรงเวลามากที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของ Cirium

 

รวมทั้งคว้า 2 รางวัลมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ระดับสูงสุด ประเภทกิจการยานพาหนะทางอากาศ และ The Best of SHA (ระดับ 3 ดาว) เป็นสถานประกอบการยอดเยี่ยมที่มีมาตรฐาน SHA สูงกว่าเกณฑ์มากที่สุด จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตอกย้ำว่า TAA ยังคงเป็นผู้นำสายการบินราคาประหยัดอันดับหนึ่งที่มีความพร้อมมากที่สุดในทุกด้าน พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อโอกาสมาถึง

 

สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2565 เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงที่ TAA รุกทำแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะแคมเปญ SUPER+ ตั๋วบินสนั่นทั่วไทยและอาเซียนแบบเดินทาง 1 ปี พร้อมบริการส่งอาหารฟรีจาก airasia Food และประกันบอกเลิกการเดินทาง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ทั้งนี้ TAA ตั้งเป้าหมายตลอดปี 2565 ขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 10.4 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 78 ความตรงต่อเวลาร้อยละ 90 และจบสิ้นปี 2565 ด้วยฝูงบิน 53 ลำ