“บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี หรือ JP” เปิดผลงาน Q1/65 มีรายได้ 83.43 ลบ. ขาดทุนสุทธิ 11.58 ลบ. สาเหตุหลักจากสภาพความไม่แน่นอนหลายประการ ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความขัดแย้งทางการเมืองในต่างประเทศทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง พร้อมเดินหน้ามุ่งสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ รอวันเก็บเกี่ยวรายได้ในอนาคต
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 83.43 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิ 11.58 ล้านบาท จากปัจจัยลบด้านโควิด-19
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Own Brand ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.2% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ซึ่งมาจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานด้านฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“ผลประกอบการที่ขาดทุนในโค้งแรกปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความขัดแย้งในต่างประเทศทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากโควิด ฉุดกำลังซื้อหายไป แต่ด้วย Seasonal ของธุรกิจจะเติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง"
บริษัทมั่นใจว่าทั้งปี 2565 ผลงานจะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และมีฐานการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ภายใต้มาตรฐานการผลิตยา (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชา
ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากขยายโรงงานที่จังหวัดลำพูน และติดตั้งเครื่องจักรสกัดกัญชาและกัญชง สามารถผลิตสารสกัด น้ำมันกัญชา, full spectrum, board spectrum, CBD isolate, water soluble CBD isolate ซึ่งเป็นสารสกัดบริสุทธิ์ที่ละลายน้ำได้ โดยมีกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม รองรับความต้องการลูกค้ากลุ่ม OEM กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงนำสารสกัดที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ Own Brand เพื่อตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ
โดยในปี 2565 JP จะมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมทั้งจะเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์และสร้างการรับรู้แบรนด์ของตัวเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร เพราะเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่รับจ้างผลิต (OEM) อาหารเสริมช่วงนี้อาจชะลอตัวเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องไปตามภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 และจะทำให้ออเดอร์ OEM เพิ่มขึ้นสอดคล้องกันไป อีกทั้งคาดว่าอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) จะเห็นภาพชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง
รวมทั้งจะมุ่งเข้าสู่ Digital Platform มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดขายสินค้าใหม่ผ่านทาง LINE แล้ว ภายใต้แบรนด์ “สุภาพโอสถ” ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง ขณะที่ล่าสุดได้จับมือ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เพื่อรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติผ่านช่องทาง ทีวี ช้อปปิ้ง และช่องทางออนไลน์ เจาะตลาด Direct to Customer นำร่องด้วยผลิตภัณฑ์ Black Sesame Oil, Rice Bran Oil และ Super food โปรตีนจากพืช ทำให้มั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายรายได้รวมในปี 2565 เติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 429.13 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน