GDH เปิดโมเดลธุรกิจหนังไทย หวัง “บุพเพสันนิวาส ๒” ดึงรายได้แตะพันล้าน

19 พ.ค. 2565 | 02:54 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2565 | 10:28 น.

จีดีเอช ดึงโมเดลธุรกิจหนังไทย ช่วยขยับรายได้ 700-1,000 ล้าน จากปีก่อนมีหนัง 2 เรื่อง ปิดรายได้ที่ 258 ล้าน เผย ลงทุน 200 ล้านลุยหนัง 5 เรื่อง พร้อมส่ง “บุพเพสันนิวาส ๒” ปักธงโกยรายได้ทะลุพันล้าน

นางสาวจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังนี้ จีดีเอชมีแผนผลิตหนังรัก 3 เรื่อง หนังผีอีก  1 เรื่อง และต้นปีฉายไปแล้ว 1 เรื่อง คือ Fast & FEEL LOVE เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ สำหรับครึ่งปีหลังจะประเดิมด้วย 28 กรกฎาคมนี้ แฟนออเจ้าทั่วประเทศจะได้รับชมภาพยนตร์ร่วมทุนฟอร์มยักษ์ระหว่าง GDH และ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น “บุพเพสันนิวาส ๒” โดยใช้งบลงทุนรวมกว่า 200 ล้านสำหรับการผลิตหนังไทยทั้งหมด และคาดว่าจากไลน์อัพหนัง 5 เรื่อง จะสามารถผลักดันรายได้รวมของบริษัทกลับมาฟื้นและทะยานสู่ 700-1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะ “บุพเพสันนิวาส ๒” คาดว่าจะทำรายได้แตะพันล้านบาท

GDH เปิดโมเดลธุรกิจหนังไทย หวัง “บุพเพสันนิวาส ๒” ดึงรายได้แตะพันล้าน

ปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ ทำให้ลงทุนหนังออกมาเพียง 2 เรื่อง คือ โกสต์แล็บ ฉีกกฎทดลองผี และร่างทรง ซึ่งได้รับผลตอบรับพอสมควร บวกกับมีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา มีรายได้ 258 ล้านบาท กำไร 40 ล้านบาท

"FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ประสบความสำเร็จมากในตลาดต่างประเทศ ได้ไปฉายในเทศกาล  International Film Festival ทั้งในสหรัฐอเมริกา, จีน และ ยุโรป ซึ่งจะทยอยประกาศต่อไป ส่วนหนังอีก 4 เรื่องในครึ่งปีหลัง หนังรัก 3 เรื่อง คือ บุพเพสันนิวาส ๒ , OMG!-Oh My Girl, YOU AND ME และ หนังผี 1 เรื่อง คือ Home For Rent" นางสาวจินากล่าว

GDH เปิดโมเดลธุรกิจหนังไทย หวัง “บุพเพสันนิวาส ๒” ดึงรายได้แตะพันล้าน
สำหรับ "บุพเพสันนิวาส ๒" ถือเป็นหนังที่บริษัทฯ คาดหวังค่อนข้างมาก ว่าจะทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีรายได้ทกลับเข้าสู่บริษัทราว 400-500 ล้านบาท และยังขยายตลาดต่อยอดสู่ต่างประเทศ มีการทำเมอร์ชันไดซ์ และอื่นๆ รวมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
 

จีดีเอชมีแผนขยายตลาดหนังสู่ต่างประเทศมากขึ้น โมเดลการทำหนังแบบ บุพเพสันนิวาส ๒ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทำหนังในปีต่อๆ ไป และบริษัทฯยังพร้อมลงทุนกับพันธมิตร เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คู่แข่งอย่างสตรีมมิ่งมีมากขึ้น การทำงานของบริษัทจึงมุ่งไปข้างหน้า โดยปี 2566 เตรียมไว้ 4 เรื่อง จากปกติลงทุนปีละ 100 ล้านบาท กับหนัง 3 เรื่อง

GDH เปิดโมเดลธุรกิจหนังไทย หวัง “บุพเพสันนิวาส ๒” ดึงรายได้แตะพันล้าน

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจีดีเอช และ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ยังได้ร่วมสร้างปรากฏการณ์ เปิดโอกาสให้ผู้ชมและนักลงทุน ได้มีส่วนร่วมเป็นผู้สร้างหนังไทย “บุพเพสันนิวาส ๒” ด้วยการร่วมลงทุนกับ “เหรียญบุพเพ ๒” (DESTINY TOKEN) ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 2.99 % ต่อปี พร้อมสิทธิ์รับเงินต้นคืนเมื่อจบโครงการ (ไม่เกิน 2 ปี) และสิทธิประโยชน์อื่ืนๆ  โดยเหรียญ G “I am Glad” ราคา 5,559 บาท จะได้ดูหนังรอบพิเศษก่อนเข้าฉายจริง โดยผู้ถือโทเคน สามารถเข้าไปจองตั๋ว ในระบบเอสเอฟได้ทั่วประเทศ เหรียญ D  “I am Delighted” ราคา 155,559 บาท  จะได้ชมภาพยนตร์และร่วมกิจกรรมในโรงภาพยนตร์กับผู้กำกับ และนักแสดงนำจากภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และเหรียญสุดท้าย  เหรียญ H “I am Happy Token”  ราคา 1,555,559 บาท จะได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษ พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก 

 

ทั้ง 3 เหรียญยังได้รับของที่ระลึกพิเศษจากภาพยนตร์ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ โดยเหรียญจะเปิดขายในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปฯได้แล้ววันนี้ คลิกที่ https://bit.ly/3MT6nAs ทั้งบนไอโฟน และระบบแอนดรอยด์