เมื่อค่ำวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ในงานดินเนอร์ทอล์ค “Thailand big change ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร” ในโอกาสครบรอบ 22 ปีเนชั่นทีวี
นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NATION GROUP ขึ้นเวทีเปิดงานพร้อมกับ ประกาศเจตนารมณ์มุ่งพากลุ่มเนชั่นร่วมขับเคลื่อนสังคมไทย ในฐานะสื่อมวลชนคุณภาพ
"22 ปีที่ผ่านมา ทุกๆ หน่วยงานได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมีประสบการณ์มากมาย เนชั่นทีวีก็เหมือนกัน ตลอด 22 ปีที่ผ่านมา เรายืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในฐานะสถานีข่าว แน่นอนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีปัจจัย มีปัญหาต่างๆ ให้พบเจอ แต่เราก็ปรับตัวผ่านมาได้จนถึงวันนี้ ครบ 22 ปี"
"สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย สำหรับช่องเนชั่นทีวี ก็คือเรื่องของอุดมการณ์การทำหน้าที่สื่อมวลชนที่มีคุณภาพ เรามีความมุ่งที่จะผลิตข่าวสารเพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงประเทศชาติ คอนเซปต์งานวันนี้ Thailand next big change ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันเริ่มต้นจากการระดมความคิดของกองบรรณาธิการเนชั่นทีวี และมองเห็นสิ่งที่กำลังกระทบกับประเทศไทยในทุกๆ ด้าน"
ซึ่งคอนเซ็ปงานในวันนี้ เกิดจากการมองเห็นผลกระทบ กับประเทศไทยที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในทุกๆด้าน ซึ่งปัญหามีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยปัจจัยภายนอกคือ วิกฤตโลกร้อน ปัญหาความขัดแย้งในมหาอำนาจ และปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ต้องฟื้นฟูร่วมกัน โดยเฉพาะหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19
\
ส่วนปัญหาภายในประเทศ คือปัญหาดิจิทัล ดิสรัปชัน พัฒนาการยังสู่ประเทศทั่วโลกไม่ได้ แม้มีมูลค่าการประมูลคลื่นความถี่เป็นอันดับต้นๆ แต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยียังล้าหลัง
และอีกปัญหาคือ ช่องว่างระหว่างวัย ทำให้เกิดความแตกต่างทางความคิดของคนแต่ละวัย และปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุของการจัดงานวันนี้ขึ้น โดยวันนี้ได้เชิญผู้นำทางความคิดทั้งภาคธุรกิจ และภาคการเมือง มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยไฮไลท์สำคัญมี 2 ช่วง ในช่วงแรกคือ สเปเชียลทอล์ค จากภาคธุรกิจ ที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนแนวคิดโลกที่จะทำให้เมืองไทยไม่เหมือนเดิม
ประเดิมเวทีคนแรก โดยคุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ท่านมองว่า ปัจจุบันทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ และภายในประเทศ เป็นตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะปัจจัยภายใน ทั้ง การแบ่งช่วงระหว่างวัย
แม้จะมี หน่วยงาน บีโอไอ หรือ อีอีซี ที่จะคอยกระตุ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเติบโตมากนัก และมองว่า หน้าที่ของประเทศไทยเป็นผู้ผลิต จึงจะต้องรักษาฐานการผลิตไม่ให้เหิดการย้ายฐานการผลิตเกิดขึ้น
ดังนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่า ประเทศไทยจะเดินด้วยการเติบโตแบบธรรมชาติได้เหมือนเดิมอีก แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องมียุทธศาสตร์ในการเดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และเยียวยาคนที่เสียหาย หากทำได้ก็จะสร้างยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ทุกคนร่วมมือกันได้
เช่น ยุทธศาสตร์การทำให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ อาหาร อุตสาหกรรมทัวลิสต์ โดยจะต้องลงทุนน้อย แต่ให้ได้ผลเยอะๆ อย่าง การนำไฟฟ้ามาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ให้มากขึ้น
ขณะที่ นักธุรกิจ อีกท่านที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ก็คือ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจ มองว่า สิ่งสำคัญของการเปลี่ยนแปลง สำคัญ 3 ด้าน คือ สุขภาพ การศึกษา และการลงทุน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
สิ่งสำคัญเริ่มต้นของการใช้เทคโนโลยี คือ การให้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูล ทั้งการต้องให้ใช้ไวไฟฟรี โดยแจกไอดีให้กับประชาชนทุกคน จะช่วยทำให้ประชาชนเข้าถึงโอกาสและการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมทั้งมองด้วยว่า ผู้นำประเทศไทย ควรไปเป็นสมาชิกของ World Economic Forum พบปะกับผู้นำทั่วโลก เพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศไทยและนำกลับมาพัฒนาประเทศไทยร่วมกัน