CISW ผนึกกำลัง B-Healthy Asia ดัน Wellness ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโลก

02 มิ.ย. 2565 | 10:11 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2565 | 17:32 น.

CISW International เปิดงานสัมมนา THAILAND TOP WELLNESS WORLD 2022 (TTWW) FORUM พร้อมเซ็นสัญญา B-Healthy Asia ผนึกกำลังพัฒนาธุรกิจด้าน Wellnessหวังดันไทยเป็นศูนย์กลางของโลก

บริษัท CISW Holding Group พร้อมด้วยบริษัท B-Healthy Asia ร่วมกันจัดงาน สัมมนา THAILAND TOP WELLNESS WORLD 2022 (TTWW) FORUM เพื่อเป็นการรวมตัวของหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานภาครัฐเพื่อส่งเสริมธุรกิจด้านสุขภาพเป็นศูนย์กลางของโลก

CISW ผนึกกำลัง B-Healthy Asia ดัน Wellness ให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโลก

พร้อมเซ็นสัญญากับบริษัท B-Healthy Asia เพื่อพัฒนาและต่อยอดด้านการลงทุนประเภทธุรกิจด้านสุขภาพให้มีความหลากหลายในด้านการบริการและถูกต้องตรงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคตและสานสัมพันธ์ระหว่างบริษัทที่มีรูปแบบธุรกิจด้าน Wellness และร่วมมือกันพัฒนาด้านบริการสุขภาพให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

 

 

นายJacky Ong ผู้บริหารของ CISW Holding Group ผู้จัดงาน Thailand Top Wellness World 2022 (TTWW) Forum เปิดเผยว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะสามารถเป็นอันดับ 1 ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คือ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่บริหารจัดการการของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกดังนั้นการเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวนัก 

 

ขณะที่ศ.ดร. Mike Chan ประธานและนักวิจัยอาวุโส ของ บริษัท European Wellness Medical Group กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในการทำการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จากประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการรักษาสุขภาพและความงามของคนไข้กว่า 1,000 คนทั่วโลก เขาเชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถเป็น ซันโดรีนีของเอเชียได้ คือมีทั้งความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวและมาตรฐานในการดูแลสุขภาพ

นายภูวนารถ ยกฉวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเฮลธี เอเชีย จำกัดเปิดเผยว่า  สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะผลักดันประเทศไทยไปสู่เวทีโลกคือการร่วมมือกับทางอินเตอร์เนชั่นแนล สิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยคือกระทรวงสาธารณสุขพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็น wellness hub ปัจจุบันนี้จะมีในเรื่องของการทำ wellness Corridor ซึ่งอันดามันได้รับประกาศให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในเรื่องของ wellness เราเองมี partner ที่มีบริการที่สามารถรองรับลูกค้าระดับโลกได้และหลายๆโรงแรมที่กำลังจะก้าวเข้าไปสู่การเป็น wellness hub ของประเทศไทย

 

ด้านนางสาวภาวิณี สังขบูรณ์ รองผู้อำนวยการกองสุขภาพระหว่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เราพยายามที่จะผลักดันนโยบายในเรื่องของการส่งเสริมประเทศไทยเป็นทางเลือกของ medical and wellness tourism ซึ่งเรามีบอร์ด medical hub ระดับชาติในการที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ  1 ในภารกิจของ wellness และในเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย medical hub เราพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการทุกท่านที่อยู่ในเครือข่ายของเราให้ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางของสุขภาพโลก

 

ซึ่งเราเตรียมปักหมุดในพื้นที่ที่เป็นเขต อันดามัน ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในเรื่องของ wellness มีการส่งเสริมการลงทุนผ่านมาตรการรัฐต่างๆที่จะส่งเสริมและกระตุ้นทางผู้ประกอบการเองและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเวลเนสหรือระบบนิเวศที่รองรับเช่นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปทั่วทั้งภูมิภาคอื่นๆที่เป็นโซนที่มีศักยภาพหรือพื้นที่ที่เราจะเชื่อมโยงทั้งประเทศเพื่อที่จะตอบโจทย์ให้ประเทศไทยก้าวขึ้นไปสู่การเป็น medical hub

 

"ในส่วนที่เราคัดเลือกอันดามันพื้นที่นำร่องเพราะเนื่องด้วยในปี 2028 เราเตรียมที่จะจัดงานประชุม Specialised Expo 2028 ถ้าเราสามารถทำให้อันดามันเป็นจุดขายที่มีศักยภาพทางด้านบริการต่างๆจะทำให้เราดึงรายได้จากการจัดงานครั้งนี้รวมถึงงานอื่นๆที่เราเตรียมที่ดึงเข้ามาในประเทศไทย รวมถึง event ต่างๆที่เราจะไปจัดในต่างประเทศเราก็พยายามที่จะนำศักยภาพของผู้ประกอบการทุกๆฮับไม่ว่าจะเป็น wellness product หรือ service เช่นในงาน world expo ที่เราจะจัดขึ้นในปี2025ในโอซาก้าเราจะนำกลุ่มผู้ประกอบการใน medical hub ของเราไปด้วย

 

จะเห็นว่าในส่วนของนโยบายเรามีการส่งเสริมนโยบายใหม่ๆและการที่จะพาผู้ประกอบการไปโปรโมตให้กับต่างชาติรู้จัก ซึ่งตรงนี้เราสามารถผลักดันให้กับกลุ่มผู้ประกอบการทุกกลุ่มที่มีศักยภาพมีมาตรฐานให้ไปถึงระดับนานาชาติเพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศให้เป็น world destination ของโลก"