การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการเข้มข้น ล็อกดาวน์ธุรกิจ กิจกรรมต่างๆที่เป็นการรวมกลุ่มเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงการแข่งขันกีฬาต่างๆทุกประเภท การเล่นกีฬาเพื่อสันทนาการ แม้กระทั่งการเล่นกีฬาตามชุมชนทั่วไป ส่งผลกระทบอย่างหนักทำให้มูลค่าตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาลดลงเหลือเป็นศูนย์ จากปี 2561-2562 ที่มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท
ขณะที่การประกาศปรับให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น พร้อมการคลายล็อก ผ่อนปรนมาตรการต่างๆให้ภาคธุรกิจ กิจกรรมทางสังคมกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ตลาดกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปีนี้
นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จํากัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปี 2563 ถือเป็นวิกฤติของตลาดเพราะยอดขายเหลือศูนย์ หลังจากที่รัฐบาลล็อกดาวน์ห้ามแข่งขันกีฬาทุกชนิด ทำกิจกรรมรวมกลุ่มต่างๆ กลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ กลุ่มพยาบาล บริษัทเอกชน งดจัดกิจกรรมต่างๆ งดแข่งขันกีฬา งดจัดสัมมนา ทำให้สัดส่วนรายได้หายไปเกือบ 50% เพราะยังมีบางอย่างที่ใช้เป็นเสื้อยูนิฟอร์ม เสื้อโปโล ที่สามารถใส่ทำงานได้
อย่างไรก็ดีหลังประกาศปรับให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น และผ่อนคลายให้ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการได้ โดยเฉพาะในธุรกิจกลางคืน การผ่อนปรนให้กลับมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง การเปิดเรียนแบบออนไซต์ การเล่นกีฬา ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา เชื่อว่าจะทำให้กิจกรรมต่างๆ กลับมา รวมถึงการแข่งขันกีฬา ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาทำให้กลับมาฟื้นตัวได้
“การแข่งขันกีฬาต่างๆเริ่มกลับมา ทั้งฟุตบอลไทยลีก รวมทั้งการแข่งขันซีเกมส์ ทำให้คนกลับมาคึกคักและสนใจเล่นกีฬามากขึ้นหลังจากที่ชะลอไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเมื่อโรงเรียนเปิดเรียนตามปกติ การเลือกใช้ชุดกีฬา ใส่ชุดวอร์มไปโรงเรียน การเรียนวิชาพลศึกษา การแข่งขันกีฬาสี ล้วนเป็นกิจกรรมที่จะกระตุ้นให้ตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬากลับมาคึกคักขึ้น”
แม้โควิดจะซาลงและรัฐประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นถือเป็นสัญญาบวกต่อธุรกิจ แต่ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวังและส่งผลต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น จากวัตถุดิบ (ผ้ากีฬา) ค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าเงินบาท ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันพบว่าต้นทุนโดยรวมปรับสูงขึ้นกว่า 20% ส่งผลกระทบต่อบริษัทเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของแกรนด์สปอร์ตในปีนี้ จะเน้นการออกคอลเลคชั่นใหม่ 2 คอลเลคชั่นต่อปี โดยเน้นจุดเด่นที่ดีไซน์ที่แตกต่างจากชุดกีฬาเดิมๆ โดยล่าสุดได้เปิดตัวชุดแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ที่ใช้ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2022 (Volleyball Nations League : VNL 2022) รวมถึงการเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนชุดกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทยในการแข่งขันซีเกมส์ ที่ได้เหรียญทองล่าสุดด้วย ขณะเดียวกันจะระบายสต็อกชุดกีฬาเก่าที่มีอยู่ด้วย
ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายในปีนี้จะยังไม่มีการขยายจุดขายของแกรนด์สปอร์ต แต่จะเน้นขยายจุดขายของแบรนด์ XOLO และ VANESSE ในรูปแบบ pop up store ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่อาคารธนิยะ พลาซ่า, พรอมินาด แฟชั่นไอร์แลนด์, เซ็นทรัลเวิลด์ และอนาคตจะขยายเพิ่มในอีกหลายจุด ส่วนแกรนด์สปอร์ตเอง จะเน้นขายผ่าน 3 ช่องทางได้แก่ ดีลเลอร์ (ร้านค้าเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬาทั่วไป) เป็นหลัก รวมถึงช้อปของบริษัทเอง และช่องทางออนไลน์
นายธิติ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานใน 3-5 ปีนับจากนี้จะต้องยึดการปรับตัวให้เร็ว เตรียมวัถตุดิบให้พร้อม พัฒนาสินค้าและโปรโมชั่นให้เหมาะกับผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มภายใต้กลยุทธ์ Segmentation ขณะเดียวกันก็กลับไปขยายตลาดต่างประเทศ เพราะตลาดในไทยเริ่มช้ำ ไม่มีการขยายตัว โดยบริษัทจะมุ่งขยายตลาดในประเทศเวียดนาม
หลังจากที่ปูทางด้วยการเป็นผู้สนับสนุนชุดกีฬาฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม ซึ่งกำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีด้วยผลงานที่โดดเด่นคว้าแชมป์ซูซูกิ และซีเกมส์ได้ โดยในปลายปีนี้จะเปิดช้อป ในศูนย์การค้าโดยตัวแทนจำหน่ายในประเทศเวียดนามเอง
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ในปี 2561 ที่มีรายได้กว่า 1,800 ล้านบาท และลดลงจากช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งหลังจากที่มียอดขายทรงตัวมานับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของแกรนด์สปอร์ต เพราะจะมียอดขายจากเสื้อวอร์ม เสื้อแจ็คเก็ต และเป็นฤดูแข่งขันของกีฬาหลายชนิด