น.ส.กุลธนา พึ่งพิณ อดีตพนักงานโรงแรมชื่อดังใน จ.เชียงใหม่ ที่ เลิกกิจการไปตั้งแต่ เดือน ธ.ค.2563 แต่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผ่านไปแล้วเกือบ 1 ปีครึ่ง อดีตพนักงานของโรงแรม กว่า 100 คน ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างเงินเดือนที่โรงแรมฯค้างจ่าย ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.2563 และเงินค่าชดเชยเลิกจ้าง จาก ทาง โรงแรม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14 ล้านบาท แต่อย่างใด
น.ส.กุลธนา กล่าวอีกว่า ซึ่งการที่โรงแรม ค้างจ่ายค่าจ้างและเงินชดเชยนั้นเป็นเพราะ กรรมการบริษัท ของโรงแรม ทำการโอนย้ายเงินรายได้ของโรงแรม ไปเข้าบัญชีนิติบุคคลอื่น เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ทำการยึดอายัดบังคับคดีตามกฎหมายได้ เป็นสาเหตุให้โรงแรม ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เพราะขาดเงินหมุนเวียน จนต้องเป็น โรงแรมแห่งนี้ต้องปิดกิจการไป
น.ส.กุลธนา เปิดเผยต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ว่า ทางกรมฯ จะมีการดำเนินคดีอาญากับทาง โรงแรม เนื่องจากไม่ดำเนินการจ่ายเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่และเงินค่าเลิกจ้างให้กับอดีตพนักงานฯ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ อดีตพนักงานของโรงแรมฯจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันร้องเรียนเรื่องนี้กับผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ แต่ก็ไม่เป็นผล และต่อมาตนและอดีตพนักงานของโรงแรมฯ รวม 10 คน ยังถูก ทาง โรงแรม ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท
โดยทางบริษัทฯกล่าวหาว่า ป้ายข้อความที่ตนและอดีตเพื่อนพนักงานฯชูตอนไปร้องเรียนที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นั้น เป็นข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย
นางสาวกุลธนา อดีตพนักงานของโรงแรม จึงมายื่นหนังสือเรียนมายังท่านอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ว่า ฝ่ายอดีตลูกจ้างพยายามรวมกลุ่มกันจัดหาทนายความมาต่อสู้คดี เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามบทบัญญัติของกฎหมาย ที่ให้สามารถมีสิทธิและหน้าที่ดำเนินการได้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองจากการที่อดีตนายจ้าง กระทำให้ได้รับความเสียหาย
และร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการพิพากษาคดี จึงมาขอความเป็นธรรมจากสำนักงานอธิบดีศาลภาค 5 ให้ความเป็นธรรมแก่พนักงานที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างเงินและเงินค่าชดเชยเลิกจ้าง จากโรงแรมแห่งนี้ ด้วย