จีนไฟเขียว 2 กลุ่มเดินทางออกนอกประเทศ ททท.สบช่องรุกตลาด มุ่งปี 66 ทะลุ 4 ล้าน

นับเป็นเวลาร่วม 3 ปีที่ จีนปิดประเทศ ภายใต้นโยบาย ZeroCovid หรือ โควิดเป็นศูนย์ ซึ่งแม้จีนจะไม่ได้ห้ามการเดินทางออกนอกประเทศ แต่ก็มีมาตรการสกัดกั้นการเดินทาง โดยเฉพาะการจำกัดเที่ยวบิน ภายใต้นโยบาย 5:1 ส่งผลให้ตั๋วเครื่องบินมีราคาสูงมาก

 

แต่ล่าสุดก็เริ่มมีสัญญาณบวกขึ้นมาบ้าง โดยเมื่อเดือนเมษายน 2565  จีนเริ่มทดลองผ่อนคลายการเดินทาง ของ 9 มณฑลทางตอนใต้ของจีน  ด้วยการลดจำนวนวันกักตัวลง จาก 21 วันเหลือ 14 วัน และเริ่มมีช่องทางในการเดินทางออกนอกประเทศที่หลากหลายมากขึ้น

รวมถึงการรอลุ้นผลการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่จะมีการแถลงนโยบาย 100 ปี โดยหลายฝ่ายมองว่าจีนน่าจะมีการผ่อนคลายการเดินทางออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังปิดประเทศมานาน

 

 

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่าแม้จีนจะมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แต่ที่ผ่านมา ททท. ก็ได้เข้าไปสร้างการรับรู้ในตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนจีนนึกถึงประเทศไทย และเลือกที่จะเดินทางมาไทยเป็นเดสติเนชั่นแรกๆ เมื่อจีนมีการเปิดประเทศ  ทั้งล่าสุด ททท. ยังมองถึงการกระตุ้นตลาดที่มีความเป็นไปได้ในการเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 9 เมืองทางตอนใต้ของจีน

 

ได้แก่ ต้าเหลียน,ปักกิ่ง,เฉินตู,หนานจิง,เซี้ยงไฮ้,เซียเหมิน,กว่างโจว,เซินเจิ้น,ฝูโจว (มณฑลฝูเจี้ยน) ที่มีการลดจำนวนวันกักตัวลง  จากปกติส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 21 วัน มาอยู่ที่ 14 วัน ซึ่งบางเมืองก็ให้กักตัวในโรงแรม 10 วัน กักตัวที่บ้าน 4 วัน บางเมืองก็ให้กักตัวเหลือ 7 วันที่โรงแรม และอีก 7 วันที่บ้าน ยกเว้นมณฑลที่อยู่ใกล้ชายแดนเกาหลี ที่จะยังคงต้องกักตัว 35 วันอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ากลุ่มนักธุรกิจ สามารถขอวีซ่าแบบ Non-B และกลุ่มนักเรียน ขอวีซ่านักเรียน เป็นกลุ่มที่เดินทางออกนอกประเทศจีนได้ ทำให้สำนักงาน ททท.ในจีน ได้เข้าร่วมจัดสัมนาร่วมกับภาคธุรกิจในจีน อย่างกลุ่มสถาบันการเงิน  รวมไปถึงสถาบันการศึกษา และทำงานร่วมกับหอการค้าในมณฑลต่างๆ ในจีน เพื่อดึงกลุ่มตลาดเหล่านี้เดินทางเข้าไทย
 

 

รวมไปถึงการขยายผลคนจีนในกลุ่มลักชัวรี ที่เป็นกลุ่มคนมีเงิน ตอนนี้อยากเดินทางออกนอกประเทศ ไม่อยากถูกล็อกดาวน์อยู่ในจีน กลุ่มเมดิคัล ที่เดินทางมาดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพในไทย และเริ่มเห็นกลุ่มคนจีนซื้อบัตรอีลิทการ์ดมากขึ้น  เพื่อต้องการ Work Permit เข้ามาทำงานในไทย หรืออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไทย

 

วันนี้แม้นโยบาย 5:1 ที่กำหนดให้ภายใน 1 สัปดาห์ 1 สายการบิน บินได้ 1 เที่ยวบิน 1 เดสติเนชั่น ใน 1 ประเทศเท่านั้น หรือบินได้เพียง 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะมีการลดเที่ยวบินลงเหลือ 1-2 เที่ยวบินต่อเดือนเท่านั้น หากพบว่าผู้โดยสารที่เดินทางกลับมาเข้ามาในจีนติดโควิด-19 จะยังคงบังคับใช้อยู่ ทำให้ตั๋วเครื่องบินขากลับจากไทยเข้าจีน จากเดิมราคาราว 2 พันหยวนต่อเที่ยวบินหรือราว 1 หมื่นบาทต่อเที่ยวบิน  ปรับขึ้นมาเป็น 4-6 หมื่นหยวนต่อเที่ยวบิน หรือราว 2-3 แสนบาทต่อเที่ยวบิน

 

แม้จะยังเป็นอุปสรรคในการเดินทางบินตรงจากจีนเข้าไทยอยู่ แต่ก็ทำให้คนที่ออกเดินทางมาเที่ยวไทยเลือกจะอยู่นานขึ้น 2-3 เดือน เพื่อเที่ยวต่อ และททท.ยังร่วมมือกับสายการบินต่างๆทางตอนใต้ของจีนในการทำตลาดร่วมกันด้วย

 

 

อีกทั้งในทางกลับกันก็พบว่าคาเธ่ย์ แปซิฟิก ไม่ได้อยู่ภายใต้นโยบาย 5 : 1 ซึ่งสายการบินมีเที่ยวบินจากปักกิ่ง เข้าฮ่องกง ทุกวัน คนจีนก็สามารถเดินทางต่อเข้าไทยได้ ซึ่งก็มีคนจีนทางตอนใต้ส่วนหนึ่งนั่งเรือจากเซินเจิ้น เข้าฮ่องกงเพื่อมาต่อเครื่องบินเข้าไทย หรือบางส่วนก็นั่งรถจากกวางตุ้ง ผ่านจูไห่ ข้ามสะพานมายังฮ่องกง เพื่อต่อเครื่องบินเข้าไทย ซึ่งราคาตั๋วเครื่องบินในเส้นทางบินจากฮ่องกงเข้าไทยของคาเธ่ย์แปซิฟิกอยู่ที่ราว 2 พันหยวน ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเดินทางเข้าไทย

 

ที่ผ่านมามีคนจีนเดินทางเข้าไทยอยู่เดือนละราว 300 คน ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาขยับมาเป็น 2 หมื่นคนต่อเดือนแล้ว โดยตั้งแต่ม.ค.-พ.ค.2565 มีคนจีนเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 36,851 คน กว่า 70% เป็นนักธุรกิจ ส่วนใหญ่จะมาอยู่ในไทยราว 2 เดือน ใช้จ่ายเฉลี่ย 6,118 บาทต่อคนต่อวัน มาทำธุรกิจและเที่ยวในไทย

 

 

เราหวังว่าการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนต.ค.นี้ ถ้ามีการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆในการเดินทางของคนจีนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เช่นการเปิดเป็นบางเมือง หรือเปิดเป็นบางพื้นที่ ในปีนี้น่าจะมีคนจีนเดินทางเข้าไทยไม่ตํ่ากว่า 5 แสนคน  และในปีหน้าช่วงตรุษจีนน่าจะเริ่มเห็นการเดินทางเข้าไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวเลเชอร์เพิ่มมากขึ้น โดยททท.สำนักงานจีนตั้งเป้าหมายปี 66 จะดึงจีนมาไทย 4 ล้านคน ฟื้นตัวกลับมา 30-40% จากปี 2562 ซึ่งก่อนโควิดมาเที่ยวไทย 11 ล้านคน

 

ทั้งททท.ยังมองกลุ่มผู้สูงวัยด้วย เพราะมีสัดส่วนสูงถึง 32% โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการ ครู หมอ นายธนาคาร ที่ต้องรอเกษียณ 3 ปีจึงมีโอกาสได้เดินทางเที่ยวต่างประเทศ ส่วนทหาร ตำรวจ ต้องรอเกษียณ 5 ปี จึงจะเดินทางออกนอกประเทศได้