นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยผ่านงาน EV Forum 2022 Move Forward to New Opportunity ‘เกรท วอลล์ มอเตอร์’เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตลาดได้เพียง 1 ปีเท่านั้น เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมและพัฒนาให้ตลาดนี้เติบโตมากขึ้น ที่ผ่านมา
สำหรับกลยุทธ์ของบริษัท GWM มีการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ค่อนข้างมากโดยเฉพาะช่วง 2 ปีหลัง ทั้งการ repositioning ของบริษัทใหม่ในการเป็นบริษัทที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเทคโนโลยีระดับโลก โดยทุ่มงบประมาณในเรื่องของR&D เพื่อพัฒนาทั้งในเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้าและ เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับต่างๆและมีการเซ็ตวิชั่นยอดขายรถยนต์ทั่วโลกรวมกันจาก 1 ล้านคันขึ้นมาเป็น 4 ล้านคัน และใน จำนวน4 ล้านคันนี้ 80% ของรถยนต์ที่จะขายจะเป็นรถที่อยู่ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้ GWM ยังมีแผนที่จะเข้ามาเติมเต็ม นโยบาย 30@30 ของภาครัฐในการช่วยให้ประเทศไทยขึ้นมาเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก ซึ่งGWMมีการเซ็ตโรดแมปไว้ชัดเจนว่าภายในไตรมาส 4 ปีหน้าจะเริ่มประกอบแบตเตอรี่ที่โรงงานของGWMระยองและจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากสายการผลิตระยองได้ในไตรมาส 1 ปี 2024 ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปที่ได้คุยกับทางรัฐบาลไว้
“สำหรับกลยุทธ์ของ GWM ในประเทศไทยเราตั้งใจเข้ามาเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทางเลือกให้กับลูกค้าคนไทย สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะเข้ามาก็คือเปลี่ยนแปลงในเรื่องของมิติการรับฟังเสียงผู้บริโภค เรามีการปรับวิธีการทำงานข้างในเพื่อที่เราจะสามารถรับฟังเสียงของผู้บริโภคได้ในทุกมิติ ลูกค้าอาจจะไม่ต้องออกไปดูรถที่โชว์รูมแต่สามารถสั่งจอง จ่ายเงินและรอรถมาส่งถึงหน้าบ้านได้ผ่านแอปพลิเคชั่นในราคา one price เป็นครั้งแรกที่เราพยายามที่จะเปลี่ยนและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในมิติใหม่”
นอกจากนี้GWMยังตั้งเป้าที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าในประเทศไทยภายใต้มิชชั่น 9 รุ่นใน 3 ปี ซึ่งเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ โดยในปีที่แล้ว GWM เปิดตัวรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้า ora good cat ไปทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าคนไทยมียอดการจองกว่า 4,000 คันใน 24 ชั่วโมงแรก
ตอนนี้GWMได้ส่งมอบรถให้กับลูกค้าไปแล้ว 1,748 คันและมียอดจองที่ค้างส่งอีกประมาณ 3,000 คันทำให้GWMต้องปิดรับจองไปในช่วงปลายเมษายนที่ผ่านมา เพื่อจัดการซัพพลายต่างๆซึ่งหลังจากที่จัดแจงในเรื่องของซัพพลายและสามารถที่จะดูแลในเรื่องของรถต่างๆที่จะนำเข้ามาในประเทศไทยได้ก็จะเปิดรับจองอีกครั้งหนึ่ง
“เราตั้งใจว่าเราจะส่งมอบรถที่คงค้าง 3,000 คันนี้ให้หมดภายในปีนี้ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้เราได้พาผู้สื่อข่าวไปทดสอบรถรุ่นที่ 4ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ อีกด้านหนึ่งที่เราเข้ามามีส่วนร่วมและพัฒนาก็คือในเรื่องของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (charging station) ในเรื่องนี้ปีที่แล้วเรามีการเปิดตัว charging station ที่เป็นแฟลกชิฟของเราที่สยามสแควร์เป็นตู้ชาร์จขนาด 160 กิโลวัตต์ 1 ตู้มี 2 หัวสามารถชาร์จพร้อมกัน 6 คัน
ปีนี้เราจะเปิด charging station ให้ครบ 3 รูปแบบจำนวน 55 สาขาและเพิ่มเป็น 100 แห่งในปีหน้า โดยรูปแบบแรก คือG-Charge Supercharging Station ซึ่งเป็นสถานีที่เราลงทุนเองขยายเองบริหารเอง รูปแบบที่ 2 คือcharging Station ที่จะอยู่กับ partner store ของเราและรูปแบบที่ 3 ก็คือ charging Station ที่จะไปอยู่ตามจุดต่างๆ อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม มหาวิทยาลัย หรือ ฟาสต์ฟู้ดต่างๆ
ที่น่าสนใจก็คือสถานีชาร์จที่จะเปิดทั้งหมดจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมง 7 วันและอยู่ในทำเลที่ลูกค้าสามารถเข้าไปชาร์จได้เลยและเราเปิดรับสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์