โตชิบา เปิดตัวสินค้าใหม่ 53 รุ่นอัพการเติบโตครึ่งปีหลัง 20%

06 ก.ค. 2565 | 11:55 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2565 | 19:07 น.

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง โตชิบา ไทยแลนด์เตรียมรุกตลาดครึ่งปีหลังจัดหนักปล่อยไลน์สินค้าใหม่53 รุ่น ตลาดระดับกลางถึงไฮเอนด์พร้อมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย หนุนการเติบโต 20%

ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าประเทศไทยในปี 2565  ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตค่อนข้างคงที่ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับภาวะสงคราม   ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน    ค่าขนส่งที่สูงขึ้น  สภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้น  รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ไม่เป็นตามฤดูกาล 

โตชิบา เปิดตัวสินค้าใหม่ 53 รุ่นอัพการเติบโตครึ่งปีหลัง 20%

ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีตามคาด แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ  รวมถึงภาคเอกชนในแต่ละกลุ่มธุรกิจ พยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดการขายมากมาย เพื่อช่วยกระตุ้นการซื้อ

นายอเล็กซ์ มา รองประธานกรรมการ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 2 ดิจิต โดยคาดการณ์ว่า สถานการณ์จะเริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากปัจจัยที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด ผู้ผลิตต่างๆ เริ่มผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่มากระตุ้นการซื้อมากขึ้น

โตชิบา เปิดตัวสินค้าใหม่ 53 รุ่นอัพการเติบโตครึ่งปีหลัง 20%

การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้น การเดินทางของ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น การที่ผู้บริโภคไทยออกมาทดลองใช้และซื้อสินค้ามากขึ้น รวมไปถึงเทศกาลต่างๆ ในปลายปี ที่น่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี” 

 

“ในส่วนของ โตชิบา ไทยแลนด์ เอง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เติบโตต่อเนื่อง 2 ดิจิตมาตลอด และสำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเช่นกัน บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ ในระดับที่น่าพึงพอใจ ปี 2565 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตโดยแยกแต่ละหมวด

 

โดยสินค้ากลุ่มตู้เย็น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 13.8% เป็น 17.4%  ส่วนกลุ่มเครื่องซักผ้า คาดว่าจะเพิ่มจาก 9.6% เป็น 11%  กลุ่มไมโครเวฟ คาดว่าจะเพิ่มจาก 19.5% เป็น 21.5% หม้อหุงข้าว คาดว่าจะเพิ่มจาก 5.8% เป็น 8.5% และเครื่องทำน้ำอุ่น คาดว่าจะเพิ่มจาก 9.3% เป็น 10%” 

 

“สำหรับทิศทางของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง เราตั้งเป้าเติบโต 20% รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และทันสมัยยิ่งขึ้น เน้นการทำตลาดกลุ่ม Middle to High โดยนำสินค้านวัตกรรม เข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่รักความสะดวกสบาย  ชอบเทคโนโลยี รักการเป็นผู้นำ  ในขณะเดียวกัน ยังคงใส่ใจในกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ Young Generation ที่เน้นดีไซน์ ความคุ้มค่า (Value for Money) และความเป็นตัวตน (Unique)”

 

“กลยุทธ์การตลาดในปีนี้ บริษัทฯ เน้นในเรื่อง

1) การเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า รวมไปถึงจำนวนไลน์อัพสินค้าใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย โดยเปิดตัวสินค้าใหม่ มากถึง 53 รุ่น 

2) เน้นการทำตลาดในกลุ่มสินค้า IOT ซึ่งเข้ามาจำนวน 18 รุ่น ที่สามารถเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์กับแพลตฟอร์มอัจฉริยะ TSmartLife ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม และใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดาย ในทุกที่ทุกเวลา 

3) เน้นการทำตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการเข้าถึง รับรู้ และมีประสบการณ์ในการใช้งานก่อนการตัดสินใจซื้อ

4) การให้ความสำคัญกับคู่ค้า รวมถึงพนักงานขาย

5) การพัฒนาศูนย์บริการและงานบริการให้รวดเร็ว และเพียบพร้อมสำหรับรองรับจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น

6) การพัฒนาระบบไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในแง่งานขาย การตลาด และการบริการ”

นางสาวธัญปภัสส์  อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจเรื่องดีไซน์และดีเทล  นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงสุขภาพและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น จะเห็นได้จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทุกคนเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนมากขึ้น  การเลือกซื้อสินค้าใดๆ แม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า  ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันและราคา  แต่คำนึงถึงปัจจัยข้างต้นมากขึ้น”

 

“สำหรับครึ่งปีหลังโตชิบาทุ่มงบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา  ทั้งในเรื่องการสร้างการมองเห็นของแบรนด์ (Brand Visibility) ผ่านการปรับโฉมหน้าร้านค้าทั่วประเทศให้ดูทันสมัยขึ้น รวมถึงการใช้สื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งในรูปสื่อออนไลน์ การทำดิจิทัลและโซเชียลมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ การใช้ KOLs (Key Opinion Leaders) ที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลบนโลกออนไลน์มาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ และสื่อออฟไลน์ อาทิ วิทยุ สื่อนอกบ้าน (Out of Home) สื่อ Transit  รวมไปถึงการทำแคมเปญส่งเสริมการขาย และโรดโชว์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานจริง ณ ร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายและย่านชุมชน”

 

“สำหรับสินค้ากลุ่ม IOT ที่เป็นสินค้าไฮไลท์ในครึ่งปีหลัง มุ่งหวังเจาะกลุ่มคนรักเทคโนโลยี ชื่นชอบในนวัตกรรม ซึ่งเป็น Niche Market แต่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในทุกๆ ปี เราตั้งเป้าวางสินค้าในร้านค้าหลักกว่า 100 สาขาทั่วประเทศในปีนี้ และขยายเป็นกว่า 300 สาขาในปีถัดไป  พร้อมปูพรมดิสเพลย์ให้โดดเด่นภายใต้ชื่อ TSmartLife  เทรนพนักงานขายให้มีความรู้และประสบการณ์อย่างแท้จริง เพื่อให้ข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างละเอียด

 

รวมไปถึงการเตรียมสื่อดิจิทัล และคอนเทนต์ทั้งในแง่วิดีโอแนะนำ วิดีโอสอน หรือแม้แต่การติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย การโปรโมทสินค้าในรูปแบบดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งที่เจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย  การใช้ KOLs รวมไปถึงการทำโรดโชว์ นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน TSmartLife ยังสามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Alexa เพื่อให้ผู้บริโภคสะดวก ง่ายดายยิ่งขึ้น”