วัตถุดิบพุ่ง-เงินเฟ้อ ศรีจันทร์เปลี่ยนเกมรุกตลาด "สกินแคร์" แสนล้าน

08 ก.ค. 2565 | 11:27 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2565 | 19:16 น.

ผลกระทบต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง-เงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจซึมกำลังซื้อหดแม้โควิดขาลง ศรีจันทร์ ยังตรึงราคาต่อ พร้อมหันบุกตลาดสกินแคร์มูลค่าแสนล้าน ส่ง SRICHAND Super C Brightening Intense Serum ประเดิมตลาด

จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด ทำให้เฟืองจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศทั้งเรื่องส่งออกและท่องเที่ยวเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเริ่มส่งสัญญาณบวกมากขึ้น  ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ กลับมาใส่ใจดูแลสุขภาพ ภาพลักษณ์ต่างๆ ของตัวเองมากยิ่งขึ้นทำให้ตลาดความงามกลับมาคึกคักอีกครั้ง

วัตถุดิบพุ่ง-เงินบาทอ่อน ศรีจันทร์เปลี่ยนเกมรุกตลาด "สกินแคร์" แสนล้าน

ขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์ความงามของไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 1.447 แสนล้านบาท โดยมีตลาดสกินแคร์ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดประมาณ 57% ในขณะที่กลุ่มเมคอัพมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 15%  จาการกลับมาจับจ่ายใช้สอยทั้งในส่วนของเมคอัพและสกินแคร์เพื่อการดูแลใบหน้าและผิวพรรณมากขึ้น ทำให้ตลาดเกิดการเคลื่อนไหวในทางบวก เห็นได้จากหลายแบรนด์ในตลาดเริ่มใช้จังหวะนี้เปิดตัวสินค้าใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั่วประเทศ

 

นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เปิดเผยว่า แม้จะมีสัญญาณบวกจากโควิดขาลง และบรรยากาศจับจ่ายเริ่มฟื้นตัวก็ตาม แต่ยังมีประเด็นต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยังคงเพิ่มขึ้น 15% ตามราคาน้ำมัน เช่น พลาสติก กระดาษ จะเจรจาซัพพลายเออร์ให้ทำต้นทุนในราคาที่ใกล้เคียงเดิมมากที่สุดและจัดซื้อในปริมาณที่มากเพื่อให้ราคาถูกลง

นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด

นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าเงินอ่อนค่าเข้ามาเป็นปัจจัยเพิ่มที่อาจจะทำให้อาจะมีการปรับราคาขึ้น เพราะกระทบต้นทุนผลิตที่มีวัตถุดิบบางอย่างต้องนำเข้าจากประเทศ ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าเกิน 36 บาท เกินจากต้นทุนเก่าที่บริษัทล็อกไว้ที่ 34-35 บาท หลังจากนี้จะเป็นต้นทุนใหม่ และจะพยายามปรับราคาขึ้นให้ช้าที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“สกินแคร์เป็นเซกเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดและน่าสนใจเพราะทุกคนต้องใช้กินแคร์ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้าก็ตาม และนอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่อีกมาก เราเชื่อมั่นว่าหลังจากโควิดไปตลาดสกินแคร์จะยังเติบโตเพราะคนรุ่นใหม่ดูแลตัวเองมากขึ้นและเริ่มมีความรู้และมองหาว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะสมกับตัวเองทำให้ตลาดคึกคักมากขึ้น ในส่วนของกำลังซื้อก็เชื่อว่าจะกลับมาพอสมควร แม้อาจจะมีประเด็นในเรื่องของเงินเฟ้อที่ทำให้คนมีความกังวลเล็กน้อ ยแต่ถ้าเรามองในภาพรวมก็ยังถือว่าปีนี้เป็นปีที่ดีกว่าปีที่แล้วเยอะ แต่ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีเรื่องอะไรเข้ามากระทบอีกไม่เพราะกำลังซื้อโดยรวมของตลาดลดลงถ้ามีประเด็นที่เข้ามากระทบก็จะเชื่อมโยงถึงกัน”

วัตถุดิบพุ่ง-เงินเฟ้อ ศรีจันทร์เปลี่ยนเกมรุกตลาด "สกินแคร์" แสนล้าน
สำหรับการบุกตลาดสกินแคร์ ศรีจันทร์ จะประเดิมด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่  SRICHAND Super C Brightening Intense Serum สู่ตลาดถือเป็นสกินแคร์ไลน์ที่ 2 ต่อจากกลุ่มไฮเดรติ้ง (Hydrating) ที่สร้างกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยอย่างมาก โดยบริษัทฯ เชื่อว่าตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจเรื่องผิวกระจ่างใสเพราะจะทำให้ตนเองดูดีขึ้น ตลาดในกลุ่มไวท์เทนนิ่งและไบรท์เทนนิ่งปัจจุบันมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก โดยได้แบ่งกลุ่มตลาดออกเป็น 2 เซกเมนต์หลักคือ กลุ่มสกินแคร์ดูแลผิวหน้าและกลุ่มสกินแคร์ดูแลผิวกาย แต่ด้วย brand positioning ของศรีจันทร์ ที่เริ่มต้นมาจากผิวหน้าเราจึงเริ่มต้นสู่วงการสกินแคร์ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเป็นการนำร่องตลาดในครั้งนี้เพื่อต่อยอดสู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์ Beauty Solution ได้อย่างแข็งแรง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดและผู้บริโภคเป็นสำคัญ

วัตถุดิบพุ่ง-เงินเฟ้อ ศรีจันทร์เปลี่ยนเกมรุกตลาด "สกินแคร์" แสนล้าน

“เราเองก็พยายามเก็บข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับผิวและความต้องการของคนไทย ทำให้ศรีจันทร์เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เข้าใจผิวคนไทยดีที่สุด จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ศรีจันทร์ต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกลุ่มเมคอัพมาสู่กลุ่มสกินแคร์ และได้เริ่มนำเสนอสู่ตลาดเพื่อเสนอเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค   โดยตั้งใจที่จะพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย ให้พร้อมในทุกสถานการณ์ตามสโลแกนของศรีจันทร์ที่ว่า “สวยก่อน พร้อมกว่า”

 

ทั้งนี้ศรีจันทร์ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเติบโตขึ้นมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท สูงกว่าตลาดโดยรวมที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-6%  “กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของศรีจันทร์ก็เป็นสินค้าที่มีราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคและคำนึงถึงคุณสมบัติและความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย จึงกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากขึ้น 

 

นอกจากนี้ เมื่อโลกกลับมาเปิดอีกครั้ง ศรีจันทร์จึงมองเห็นโอกาสที่นอกจากจะรุกตลาดในประเทศแล้ว ยังต้องการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศด้วย ปัจจุบันศรีจันทร์มีสินค้าในกลุ่ม Base Make Up จำหน่ายในประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน และ CLMV ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี หากการขยายตลาดในกลุ่มสกินแคร์เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ การส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไปยังต่างประเทศก็เป็นแผนในอนาคตของบริษัทฯ ที่จะพร้อมขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจด้วยเช่นกัน”