จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุม นายธฤต ณ พัทลุง หรือ “ไฮโซทะเล” ในคอนโดแห่งหนึ่งย่านถนนหลังสวน หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยมีผู้เสียหายที่เป็นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อนหน้านี้
โดยระบุว่า ถูกนายเพชร บุญวงษ์ นักธุรกิจด้านวิศวกรรมชอฟแวร์นัดหมายให้มาเจรจาเรื่องหนี้สินที่เหลืออีก 3 ล้านบาท หลังจากยืมไป 7 ล้านบาท โดยมีนายธฤต และพวกอีก 2 คน อยู่ในเหตุการณ์และเข้ามาร่วมพูดคุยกันนานถึงตี 4 จากนั้นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ได้ถูกชิงรถและทรัพย์สินหลบหนีไป
ล่าสุดทนายความของนายธกฤต ออกมาปฏิเสธ โดยระบุว่า ไฮโซคนดังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นทรัพย์ แต่รู้จักกับผู้นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ และอยู่ในวันเกิดเหตุจริง และที่สำคัญนายธกฤตไม่ได้เป็นหนี้ แต่นักธุรกิจต่างหากที่เป็นหนี้นายธกฤต 1 ล้านบาท
โดยมีหลักฐานการกู้ยืมถูกต้อง และนายธกฤตเองนั้นก็ทำธุรกิจที่มีรายได้มากพอที่จะต้องไปปล้นเงินใคร
ประวัติ ไฮโซทะเล-ธฤต ณ พัทลุง
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของ “ไฮโซทะเล” หรือ นายธฤต ณ พัทลุง จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจรของ Creden Data พบว่า ไฮโซทะเล ถือหุ้น 3 บริษัท มีสินทรัพย์รวม 4,059,813 บาท แต่มีรายได้รวมกันแค่ 6 บาท
บริษัทที่ ไฮโซทะเล-ธฤต ณ พัทลุง ถือหุ้น
1. บริษัท สวรรค์รีสอร์ท จำกัด
2.บริษัท เวลท์ โซไซตี้ คลับ จำกัด
3.บริษัท โครินธ์ ไพรเวท อิควิตี้ จำกัด
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายธฤต ยังนั่งเป็นกรรมการในบริษัทต่าง ๆ อย่างน้อย 3 บริษัท เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ รวมทั้งการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต
โดยแต่ละแห่ง พบว่ามีสินทรัพย์ในหลักไม่ถึง 1 ล้านบาท รวมกันแล้วมีสินทรัพย์เพียงแค่ 1.5 ล้านบาท ขณะที่ รายได้รวมทั้ง 3 บริษัทในปีที่รายงานงบการเงินนำส่งปี 2564 มีวงเงินเพียงแค่ 475,023 บาทเท่านั้น โดยรายละเอียดของแต่ละบริษัท แยกได้ดังนี้
1. บริษัท ดาต้า อี เจนซี่ จำกัด
งบการเงินนำส่งปี 2564
2. บริษัท พาด้า ไวส์ จำกัด
งบการเงิน
3. บริษัท โครินธ์ ไพรเวท อิควิตี้ จำกัด
งบการเงินนำส่งปี 2564