SCGP รุกธุรกิจรีไซเคิลในยุโรป ทุ่ม 2,875 ล้านบาท เทกกิจการ Peute

19 ก.ค. 2565 | 03:33 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2565 | 10:43 น.

SCGP รุกตลาดรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ในยุโรป ทุ่ม 2,875 ล้านบาท ซื้อกิจการ Peute Recycling B.V. (Peute) รายใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ รับรู้รายได้ทันที ด้าน ASPS มองลงทุนเชิงรุกของ SCGP ทั้งแบบ Brown Field และดีล M&P หนุนกำไร ส่งผลให้ราคาเป้าหมายขยับขึ้น 5-7% ต่อปี ช่วง 3 ปีข้างหน้า

19 ก.ค. 65 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 100% ใน Peute Recycling B.V. (Peute) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ครอบคลุมทั้งกระดาษรีไซเคิลและพลาสติกรีไซเคิล ตั้งอยู่ที่ Dordrecht ประเทศเนเธอร์แลนด์

 

โดยการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นได้ดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว SCGP ได้ชำระเงินสำหรับการเข้าถือหุ้นรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 78.19 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,875 ล้านบาท ธุรกรรมข้างต้นเป็นการดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดย SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Peute ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565

 

ธุรกรรมข้างต้นจะช่วยให้ SCGP สามารถขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นเสาหลักสำคัญสำหรับการดำเนินงานตามกลยุทธ์ระยะยาวของ SCGP เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ การผลิตสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำตลอดจนธุรกิจโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร

 

อ่านเพิ่มเติม : การเข้าลงทุนธุรกิจรีไซเคิลฯในประเทศเนเธอร์แลนด์ ของ SCGP

 

เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

ที่ผ่านมา SCGP มีการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายและครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง RCP ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ โดยปัจจุบัน SCGP มีการใช้ RCP 4.4 ล้านตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มปริมาณสูงขึ้น ตามการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น  

 

การขยายธุรกิจดังกล่าว จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ SCGP ในด้านเครือข่ายแหล่งวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล โดยช่องทางในปัจจุบันประกอบด้วยศูนย์จัดการวัสดุรีไซเคิลของ SCGP การจัดเก็บโดยตรงจากแหล่งวัตถุดิบหลักและคู่ค้าท้องถิ่น รวมถึงแหล่งวัตถุดิบนำเข้าที่หลากหลาย ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และโอเชียเนีย

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส หรือ ASPS ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าการที่ SCGP เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Peute ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ครอบคลุมทั้งกระดาษรีไซเคิลและพลาสติกรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินลงทุน 2,875 ล้านบาท 

 

 

โดยราคาที่เข้าซื้อหากคำนวณบนผลประกอบการปี 2564 ของ Peute ที่มีกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท ถือว่าไม่มีนัยสำคัญต่อ SCGP ที่มีฐานกำไรระดับ 8-9 พันล้านบาทต่อปี และคิดเป็น PER 24 เท่า และ EV/EBITDA 12-13 เท่า ค่อนข้างสูงหากเทียบกับดีล M&P ในอดีตของ SCGP ที่ซื้อกิจการที่ EV/EBITDA ต่ำกว่า 10 เท่า

 

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่กลยุทธ์ที่ SCGP สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบในยุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมรีไซเคิลเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และ Peute อยู่ระหว่างย้ายโรงงานไปยัง Alblasserdam ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือ Rotterdam เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดหาวัสดุรีไซเคิลอีกเท่าตัวรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ก็จะทำให้ Peute มีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ

 

นอกจากนี้ SCGP ยังสามารถซื้อ RCP จากทวีปยุโรปผ่าน Peute ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวแทน Agent และยังสามารถลดปัญหาการขนส่งเที่ยวเปล่า (Backhaul Transportation) เนื่องจากมีทั้งผู้ซื้อสินค้าจาก SCGP และผู้ขายวัตถุดิบให้ SCGP ในทวีปยุโรป


 

ASPS แนะซื้อเป้า 65.00 บาท

 

ด้านภาพการเติบโตในระยะยาวของ SCGP ยังมองเห็นได้ชัดเจน ตามแผนลงทุนที่จะใช้งบรวมกว่า 1 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปี (2565-2569) หรือเฉลี่ยใช้งบลงทุนปีละ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้เติบโต 100% หรือ 1.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2568

 

ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ได้ที่ 65.00 บาท เทียบเท่า PER 30.9 เท่า เพราะมองว่าแผนการลงทุนเชิงรุกของ SCGP ทั้งแบบ Brown Field และดีล M&P จะทำให้ทิศทางกำไรในอนาคตยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ Fair Value สามารถขยับขึ้นราว 5-7% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า