ในอดีต "ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง" และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เคยเป็นพันธมิตรทำธุรกิจด้วยกันมาอย่างยาวนาน โดย "ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง"ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย นมยูเอชทีหนองโพ ในช่องทาง Traditional Tradeและสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นอันดับต้นๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 5 ปีที่แล้ว สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากและดึงนมยูเอชทีหนองโพ ไปบริหารเอง และเพิ่มสัดส่วนการขายในช่องทาง Modern Trade มากขึ้นจนทำให้ช่องทางการจำหน่ายเดิมหรือTraditional Trade ไม่เติบโต ล่าสุดสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ตัดสินใจ คืน นมยูเอชทีหนองโพ กลับมาให้ "ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง" ดูแลในช่องทาง Traditional Trade อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การดึง นมยูเอชทีหนองโพ กลับมาบริหารครั้งนี้ นับว่าเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับ"ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง" เนื่องจากภาพรวมตลาดนมยังคงซบเซาและติดลบมากกว่า 3 ปี ซึ่งข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มมีมูลค่า 44,000 ล้านบาท ปี 2564 หดตัว 7.5%เมื่อแบ่งหมวดนมพร้อมดื่มสัดส่วนใหญ่สุดราว 50% คือนมยูเอชที(พาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์) ตามด้วยนมถั่วเหลือง 30% หรือกว่า 13,500 ล้านบาท ช็อกโกแลตมอลต์ 15% อื่นๆ 5%
นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด และ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ได้เจรจาและบรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญาแต่งตั้งบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง เป็นตัวแทนจำหน่ายนมยูเอชที หนองโพ อีกครั้ง หลังจากหมดสัญญากันไปเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตมากกว่า 30% สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายที่เรารับผิดชอบคือ ช่องทางร้านค้าปลีกค้าส่ง (Traditional Trade) และแม็คโคร
“เราและสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เคยร่วมทำธุรกิจกันมายาวนานก่อนจะห่างหายกันไปเมื่อ 5 ปีก่อน และเมื่อนานมานี้ได้โอนคืนกลับให้เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายนมโคหนองโพประเภทยูเอชที เท่านั้นไม่รวมพาสเจอร์ไรส์เพื่อขยายช่องทางการขาย traditional trade และแม็คโคร เท่านั้น เพราะนมสามารถพ่วงไปกับสินค้าอื่นที่เราขายได้
และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสในการร่วมมือมากขึ้นในอนาคต เช่น นมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต นมอัดเม็ด และไอศครีม ซึ่งจะต้องค่อยๆขยายเซกเมนต์ไปเรื่อยๆ ตอนนี้อินฟาซักเตอร์ของบริษัทยังไม่ได้รองรับ โดยสัญญาจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป แต่วันนี้เราเริ่มเทคออเดอร์แล้วเพราะนมขาดตลาดไม่ได้”
ผู้บริหารกล่าวเพิ่มเติมว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆรวมทั้งโครงสร้างภายใน แวร์เฮ้าส์หรือการเก็บสินค้าและระบบโลจิสติกส์ต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายนมยูเอชทีหนองโพ ที่มาจากช่องทาง Traditional Tradeและแม็คโคร ให้เพิ่มเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมทั้งหมดจากทุกช่องทางจัดจำหน่าย
“ยอดขายนมยูเอชทีหนองโพ ในอดีตขณะที่เราบริหาร เราสามารถทำยอดขายปีละ 400 ล้านบาทในช่องทาง Traditional Trade แต่ปัจจุบันตลาดนมพร้อมติดลบ 3% ติดต่อกันมา3ปี เนื่องจากมีเครื่องดื่มทดแทนนมจำนวนมากทั้งนมข้าวโอ๊ต นมอัลมอนด์ ต่างเมื่อก่อนที่มีเฉพาะนมถั่วเหลือง นอกจากนี้คนแพ้นมวัวก็มีระดับมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้มีข้อจำกัดของการขายมากขึ้น
สำหรับมูลค่าตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชที อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้นมานิดหน่อยในช่วงโควิดดังนั้นคาดว่าปีนี้ภาพรวมจะยังซบเซาเหมือนเดิม ต่างจากในอดีตที่เคยเติมโต 5-6% ต่อปี ”
สำหรับแผนรุกตลาดในช่วงแรก เริ่มตั้งแต่ครึ่งช่วงปีหลัง 2565 ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จะเร่งปูฐานการกระจายสินค้าให้กลับมาในระดับเดิม โดยทำการตลาดทั้งในเขตเมืองและชนบทเสริมด้วยพันธมิตร เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของนมยูเอชทีหนองโพ มาจาก modern trade มากกว่า traditional trade แต่ในตลาดนมที่ถูกต้อง สัดส่วน traditional trade จะต้องใหญ่กว่าmodern trade ขณะเดียวกันศักยภาพการเติบโตของนมยูเอชที หนองโพยังเติบโตได้อีกเท่าตัวไม่ว่าตลาดนมจะเป็นอย่างไรก็ตาม
และปี2566 จะเป็นปีที่นมยูเอชที หนองโพเติบโตได้มาก ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่หนองโพจะเร่งการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งล็อกซเลย์จะเป็นตัวกระตุ้นและช่วยในการมองตลาดเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาทำตลาดให้หนองโพนำไปวิจัย พัฒนาต่อ
ขณะเดียวกันประเด็นที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเด็นคือ ภาพรวมของผู้บริโภคเอง consumer behavior มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญแม้ว่าความต้องการบริโภคนมยังมีอยู่ แต่รูปแบบการดื่มเปลี่ยนไป ปัจจุบันมีนม special list เข้ามาในตลาดมากขึ้น ทำให้ตลาดบนยังสามารถทำราคาได้ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีนม CBDหรือนมกัญชาเข้ามาเพิ่มในตลาดแม้ต้นทุนจะไม่เพิ่ม แต่ค่าการตลาดเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง ก็จะทำให้ราคาขายเพิ่มมากขึ้น
“ตอนนี้นมยังไม่มีการปรับราคาขึ้นโดยราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10-12 บาท เพราะกระทรวงพาณิชย์ยังไม่อนุมัติให้ขึ้นราคา เนื่องจากมันนมเป็นสินค้าcommunity และเป็นผลิตภัณฑ์ top 5 ของการควบคุม ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้ยื่นขอขึ้นราคาไปประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่านมยูเอชทีจะเป็นตลาดที่ยังสามารถเติบโตได้และยังอยู่ในไลน์ผลิตของผู้ประกอบการทุกราย”
ผู้บริหารยังกล่าวต่อไปอีกว่า ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้งเองเติบโตขึ้นมาในช่วง 3-4 ปีค่อนข้างเยอะเนื่องจากเปลี่ยนระบบการทำงานภายในต่างๆ ขณะที่ยอดขายก็เติบโตขึ้นค่อนข้างมากจาก1.5พันล้านบาทขึ้นมาเป็น 2.8 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา และปีนี้บริษัทมองว่าจะการเติบโตก้าวกระโดดอย่างชัดเจนหรือเติบโตประมาณ 30%
เนื่องจากแวรูลของการขายเพิ่มขึ้นจากราคาขายที่มากขึ้น ขนาดที่วอลลุ่มก็มากขึ้นเช่นกันประกอบกับมีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาในพอร์ตอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้บริษัทจะเพิ่มพอร์ตสินค้าเพิ่มเติม 2-3 แบรนด์ ซึ่งเป็นcategory ที่บริษัทมีอยู่แล้ว เพราะหากขยาย category จะต้องเพิ่ม distributeใหม่ซึ่งบริษัทอาจไม่มีความชำนาญดังนั้นโดยในช่วง 1-2 ปีนี้บริษัทยังจะโฟกัสผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก