นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแม็คโคร เปิดเผยว่า ไตรมาสสองของปี 2565 กลุ่มธุรกิจแม็คโครยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้กลุ่มค้าส่งแม็คโครเติบโตได้จากธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับการเติบโตของยอดขายจากทั้งสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
โดยเฉพาะแม็คโคร กัมพูชา ที่มีผลประกอบการเป็นบวกมาหลายไตรมาส รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มค้าปลีกโลตัส กลับมาเติบโตจากการที่สามารถเปิดให้บริการศูนย์การค้าได้ตามปกติ การรีแบรนด์สาขา การพัฒนาสินค้าอาหารสด รวมทั้งการเปิดตัวแพลตฟอร์มจัดจำหน่ายออนไลน์ ‘โลตัส สมาร์ท แอปพลิเคชั่น’
ทำให้บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาสสอง 118,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.6 % และมีกำไรสุทธิ 1,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวมทั้งสิ้น 229,680 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,623 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตของธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ประกอบด้วย
ด้านโลตัส ได้สร้าง Online Grocery แพลตฟอร์ม หรือบริการสั่งซื้อของสดออนไลน์ ซึ่งการเติบโตของช่องทาง O2O เป็นสัญญาณบวก เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย ดังเห็นได้จากยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของโลตัสประเทศไทย ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 141.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจแม็คโคร มุ่งเน้นการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B และ B2C และสร้างการเติบโตมุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าส่งค้าปลีกของภูมิภาค และใช้ศักยภาพเข้าไปช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านโครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ให้ทั้ง SME และเกษตรกรรายย่อยเติบโตไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปี 2565 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ราว 11% คิดเป็นมูลค่า 3.45 ล้านล้านบาท จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค การเพิ่มขึ้นของรายได้ภาคเกษตร และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโต และเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มรูปแบบ