กมธ.ชี้ กสทช. ไฟเขียวรวมทรู-ดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์

25 ต.ค. 2565 | 10:27 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ต.ค. 2565 | 17:31 น.

กมธ.สื่อสารโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้ดีล กสทช. ไฟเขียวรวมทรู-ดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์ รับน่าจะนำมาใช้กับผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรม เพื่อให้ตลาดมีความเท่าเทียมในกฎกติกาเดียวกัน

จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีมติเสียงข้างมากรับทราบ ในการพิจารณาเรื่องการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ้ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค

 

ล่าสุด พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า กสทช.เดินหน้ามาถูกทางแล้ว โดยได้ทำหน้าที่ตามข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะการรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรูและดีแทคต้องยึดตามประกาศ กสทช.ปี 2561 

 

ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ตามประกาศ กสทช.ปี 2553 ที่กำหนดให้การรวมธุรกิจต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช.ก่อนนั้น ได้ถูกยกเลิกแล้ว โดยมีประกาศ กสทช.ปี 2561 ขึ้นมาแทน ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นก่อนหน้านี้ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เคยให้ความเห็นแก่ กสทช.ไว้เช่นกัน

“การตัดสินใจของกสทช. ในครั้งนี้ จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการทำงานภายใต้กรอบกฎหมายต่อไป ทุกกรณีต้องพิจารณาอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อเรามีกฎระเบียบกำกับดูแล ก็ควรยึดตามหลักเกณฑ์ ดีลควบรวมทรูและดีแทค ไม่ใช่ดีลแรกในการควบรวมภายใต้ประกาศ กสทช. ปี 2561”

 

พ.อ.เศรษฐพงค์ ระบุว่า กรณีนี้ที่กสทช.ลงมติรับทราบพร้อมออกเงื่อนไข คือการปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมาย เพราะการรวมรวมธุรกิจระหว่าง ทรู กับดีแทค เป็นการควบบริษัท (Amalgamation) ตามประกาศ กสทช. ปี 2561 ที่กำหนดให้การรวมธุรกิจกระทำได้ โดยจัดทำรายงานส่งให้ กสทช. และรายงานการรวมธุรกิจต่อเลขาธิการ กสทช. ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนจดทะเบียนควบบริษัท 

อีกทั้งยังไม่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. ซึ่ง กสทช. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาด มาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ตามข้อ 12 ของประกาศปี 2561 นอกจากนี้เงื่อนไขที่ออกมาก็เข้มข้นโดยผู้บริโภคได้ประโยชน์ และน่าจะนำมาใช้กับผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรม เพื่อให้ตลาดมีความเท่าเทียมในกฎกติกาเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตามเห็นว่า หลังจากนี้ กสทช. ต้องออกระเบียบมารองรับ และต้องติดตามตรวจสอบให้การควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน หากพบว่ามีประเด็นใดที่กระทบสิทธิ กสทช.ก็มีอำนาจเข้าไปกำกับดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ

 

ส่วนข้อกังวลเรื่องการผูกขาดหรือเกรงว่าค่าบริการอาจสูงขึ้นนั้น ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องเคารพกฎระเบียบ ไม่สามารถกำหนดราคาตามอำเภอใจได้ อีกทั้งเชื่อมั่นว่าตลาดยังมีการแข่งขัน