ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่วันพรุ่งนี้ (31 ต.ค. 2565) จะเป็นวันแรกที่โอเปกพลัส ลดกำลังผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ว่า เป็นสิ่งที่ต้องจับตาว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับขึ้นเท่าใด ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศยุโรปให้ทรงตัวอยู่ในระดับสูงมากน้อยแค่ไหน
ขณะที่ในประเทศไทย แม้เงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง แต่ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
สิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการ นอกเหนือจากการอุดหนุน ช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังควรคำนึงถึงการวางแผนในระยะยาว เกี่ยวกับพลังงานทางเลือกด้วย
เพราะในปัจจุบันเราพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วนถึง 70 % โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า เนื่องจากกำลังผลิตภายในประเทศลดต่ำลง จากปัญหาการเปลี่ยนผ่านบริหารจัดการก๊าซฯแหล่งเอราวัณ
“ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ภาครัฐต้องทบทวนแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ PDP ให้สอดรับกับสถานการณ์ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น ต้องหาข้อสรุปด้วยการยอมรับความจริงว่า มีการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น จนส่งผลให้เกิดต้นทุนสูญเปล่าหรือไม่ จะสนับสนุนพลังงานทางเลือกให้ได้มากขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์”
ศ.ดร.กนก กล่าวว่า การกำหนดแผนล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดี แต่แผนต้องมีความยืดหยุ่น ปรับปรุงได้ตามสภาพความเป็นจริง การปรับแผน PDP ครั้งนี้ คือโอกาสสำคัญที่รัฐบาลจะแสดงความ ”จริงใจ” ด้วยการยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
“ข้อมูลสาธารณะที่ผ่านมา บอกชัดว่าบริษัทใดได้ประโยชน์ที่มากเกินควรจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าของประเทศ การปรับแผน PDP นี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งว่ารัฐบาลเลือกยืนข้างใครในเรื่องพลังงานไฟฟ้านี้” ศ.ดร.กนก กล่าว