นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย ถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าว ที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ....
ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์อย่างรอบด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ครม. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง สู่ประเทศไทย พ.ศ. .... หรือ การเปิดให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับการได้มา ซึ่งที่ดินของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท คือ
ทั้งนี้ตามร่างกฎกระทรวง กำหนดใช้เป็นที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 1 ไร่ ตาม ม.96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยต้องนำเงินมาลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยต้องดำรงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี เช่น
ทั้งนี้การได้มาซึ่งที่ดิน ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวโดยทั่วไป ยังคงเป็นไปตามกฎกระทรวง ฯ พ.ศ. 2545 ที่ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน
“กระทรวงมหาดไทยได้ขอถอนร่างกฎกระทรวง เพื่อนำไปรับฟังความคิดและวิเคราะห์ผลกระทบ และนำไปศึกษาเพิ่มเติมให้มีความรอบคอบ ถี่ถ้วนและครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน รวมไปถึงการฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อพิจารณาถึงผลดีผลเสียที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ร่างกฎกระทรวงเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป” โฆษกรัฐบาล ระบุ
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุถึงประเด็นการเปิดให้ต่างชาติถือครองที่ดินในไทย ก่อนเข้าประชุมครม. วันนี้ การขอถอนร่างกฎกระทรวงการเปิดให้ต่างชาติถือครองที่ดินในไทย ออกจากมติ ครม.ที่ได้มีการอนุมัติหลักการไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 นั้น กระทรวงมหาดไทย จะนำเรื่องดังกล่าวกลับไปศึกษาใหม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องไปศึกษาใหม่ ไปดูถึงผลดีผลเสียที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ครม.พิจารณา
ส่วนการศึกษาร่างกฎหมายจะใช้เวลานานแค่ไหน และต้องเสนอกลับเข้าครม.อีกหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ยอมรับว่า ไม่ทราบ ขอกลับไปศึกษาใหม่ ส่วนเหตุผลที่ต้องนำกลับไปศึกษาใหม่ เป็นเพราะแรงกดดันจากสังคมใช่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ถ้าสื่อถามมาเช่นนี้ตนไม่ตอบดีกว่า เพราะได้ชี้แจงไปในสภา และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะให้ตนพูดอะไรอีก ต้องนำไปศึกษาใหม่ถึงผลดีผลเสีย