วันนี้ (13 มิถุนายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
“นายกรัฐมนตรี ได้ฝากเรื่องนี้กับกระทรวงการคลังไปดูว่าเป็นยังไง ส่วนการจะอนุมัติต่อหรือไม่นั้น ก็คงต้องรอข้อสรุปและถ้าต่ออายุก็ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พิจารณาตามกฎหมายก่อน”
สำหรับมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร นั้น ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง พร้อมหารือกับกระทรวงพลังงาน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ไปหาแนวทางร่วมกันเพื่อรองรับกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นี้
แต่ถ้าไม่สามารถดำเนินการได้ เชื่อว่า ยังสามารถใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าผ่านการการบริหารสภาพคล่อง เพื่อมาดูแลราคาน้ำมันดีเซลแทนได้
ขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุกับฐานเศรษฐกิจว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในปลายเดือนกรกฎาคม 2566 นั้น ต้องหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนว่า จะดำเนินการอย่างไร หากยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จะส่งผลกระทบต่องบประมาณการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตที่ต้องหายไปด้วย โดยการดำเนินมาตรการการลดภาษีน้ำมันดีเซลที่ผ่านมาของรัฐบาลรวม 7 ครั้ง กระทบการจัดเก็บรายได้ของรัฐไปมากถึง 158,000 ล้านบาท