เปิดเบื้องหลัง“สรรพากร”สอบบริษัทครอบครัว“พิธา”

26 มิ.ย. 2566 | 11:55 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2566 | 23:41 น.

เปิดเบื้องหลังกรมสรรพากร ตรวจสอบ บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ ธุรกิจในครอบครัวของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไม่เกี่ยวการเมือง เป็นกระบวนการตรวจสอบปกติ ว่าบริษัทมีการยื่นแบบภาษีถูกหรือไม่ หากไม่ยื่นแบบมีสิทธิถูกตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี อาจสอบเพิ่มมือดีกู้เงินบริษัทกว่า 100 ล้าน

ความคืบหน้ากรณีกรมสรรพากรเข้าไปตรวจสอบ บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด หรือ ชื่อเดิม บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด บริษัทผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรำข้าว ธุรกิจในครอบครัวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

การเข้าไปตรวจสอบ บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด ครั้งนี้ ทางสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 23 ได้ทำหนังสือลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง ผู้อำนวยการกองทะเบียนบริษัทมหาชนและธุรกิจพิเศษ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อแจ้งระงับการขีดชื่อออกจากทะเบียน และระงับการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีราย บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ฐานเศรษฐกิจ ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวกับกรมสรรพากร ได้รับการชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นกระบวนการปกติของกรมสรรพากร ที่มีระบบการตรวจสอบภาษีเชื่อมโยงกับข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หากพบว่าบริษัทใดยื่นขอระงับการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี ทางกรมสรรพากรก็จะเข้าไปตรวจสอบว่าบริษัทนั้นมีการยื่นแบบการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะมีการชำระบัญชี

ตามกฎหมายกำหนดให้ผู้เสียภาษีเงินได้ทุกราย ไม่ว่าจะประกอบธุรกิจมีกำไร หรือขาดทุน มีหรือไม่มีภาระภาษี มีหน้าที่ยื่นแบบการเสียภาษีให้กับกรมสรรพากร เช่นเดียวกับ ออยล์ฟอร์ไลฟ์ ธุรกิจของครอบครัวนายพิธา แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการดำเนินงานของบริษัทจะประสบกับภาวะขาดทุน ไม่มีภาระภาษีที่ต้องจ่าย บริษัทก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบการเสียภาษีให้กับกรมสรรพากร การเข้าไปตรวจสอบครั้งนี้จึงไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อทราบว่าบริษัทใดจะมีการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่เข้าไปตรวจสอบภาษีว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่มีการยื่นแบบเสียภาษี กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 10 ปี หากมีการยื่นแบบภาษีเข้ามา กรมสรรพากรก็สามารถตรวจสอบย้อนหลัง 5 ปี

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ในปี 2550-2559 บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด ได้ให้เงินกู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างต่อเนื่อง มียอดคงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2559 ทั้งสิ้น 117,103,394.65 บาท แต่กลับไม่มีการชำระคืนหนี้บริษัท จนทำให้บริษัทต้องตัดเป็นหนี้สูญ

กรณีนี้กรมสรรพากรก็มีอำนาจตรวจสอบ ด้วยการเชิญผู้สอบบัญชี กรรมการบริษัทมาชี้แจงว่าให้ใครกู้ยืม คนกู้เงินบริษัทไปได้มีการแจ้งการเสียภาษีหรือไม่ เพราะเงินกู้ก้อนดังกล่าวถือเป็นรายได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจะมีความผิดอาญา ตามประมวลรัษฎากร และพระราชบัญญัติการบัญชี และวิชาชีพบัญชี

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

สำหรับบริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด นายพิธา เคยนั่งเป็นกรรมการและดำรงตำแหน่ง Co-Founder & Managing Director ระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม 2549 ถึง 6 มีนาคม 2560ก่อนลาออก

บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2548 โดยนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดาของนายพิธาเป็นกรรมการเพียงคนเดียว ภายใต้ชื่อ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ต่อมาในวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด โดยครั้งแรกมีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และได้มีการเพิ่มทุนจดเบียน 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2548 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 95,098,000 บาท และวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 98,039,200 บาท

ผู้ถือหุ้น ออยล์ฟอร์ไลฟ์ ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1. บริษัท โอตะวะ โฮลดิ้งส์ จำกัด สัญชาติสิงคโปร์ 49% 2. บริษัท พรพนา พาณิช 37.23 % 3.นายตุนท์ ลิ้มเจริญรัตน์  6.88% 4. นายวนป ลิ้มเจริญรัตน์ 6.88%

กรรมการ ออยล์ฟอร์ไลฟ์ ในปัจจุบันประกอบด้วย นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ นายอาร์นี่ โอตะวะ ซาริมา นายประสพโชค สุขสมบูรณ์ โดยมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามคือ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัท

ผลการดำเนินงาน ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าครั้งล่าสุด เมื่อปี 2562 แจ้งว่ามีสินทรัพย์รวม 189,862,430.62 บาท หนี้สินรวม 564,793,791.41 บาท รายได้รวม 106,064,719.91 บาท รายจ่ายรวม 199,024,631.79 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 50,443,347.74 บาท ขาดทุนสุทธิ 143,403,259.62 บาท