ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจพื้นที่ตัวเมืองลพบุรี ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา พบว่าค่อนข้างเงียบเหงา โดยเฉพาะตลาดดำรงค์ชัย หรือที่รู้จักกันว่า “ตรอกเฮฟวี่” ถนนราชดำเนิน ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี แหล่งช๊อปปิ้งชื่อดังของ จ.ลพบุรี เนื่องจากเป็นศูนย์รวมสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้านักเรียน เสื้อผ้าวัยรุ่น ของประดับ กิ๊ฟช็อป ที่เคยคราคร่ำไปด้วยลูกค้าของนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนลูกค้าทั่วไปจากตัวเมือง-ต่างอำเภอ และจังหวัดใกล้เคียงอย่างสระบุรีและสิงห์บุรี
แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนเรียกว่าเศรษฐกิจสะพัด เนื่องจากตรอกเฮฟวี่ มีที่ตั้งอยู่ในแหล่งย่านการค้าและห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นอย่าง “ภิญญาช๊อปปิ้งเซนเตอร์ และ ห้างประตูทองวัฒนา” รวมทั้งพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งหากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตรอกเล็กๆที่มีความยาวกว่า 500 เมตร เชื่อมระหว่างถนนปรางค์สามยอดกับถนนราชดำเนิน ยิ่งมีลูกค้ามาจับจ่ายใช้สอยอย่างเนืองแน่น เปรียบเหมือนตลาดสำเพ็ง
แต่ปัจจุบันกลับถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากแต่ละวันแทบจะไม่ค่อยมีลูกค้าไปเลือกซื้อสินค้า ทำให้ยอดขายตกลง ส่งผลให้ตลาดดังกล่าวซบเซา ร้านค้าที่มีอยู่ราว 60-70 ร้าน ถูกปิดตัวลงไปหลายร้านเลยทีเดียว รวมทั้งบางร้านยังประกาศในเช่าในราคาถูกอีกด้วย
น.ส.ขนิษฐา เทียนเสม เจ้าของร้านจำหน่ายน้ำหอมแฟชั่น เผยว่า ตอนนี้ลูกค้าที่เดินจับจ่ายซื้อสินค้าและเดินในตรอกเฮฟวี่มีน้อยมากในแต่ละวัน ทำให้ยอดขายตกลงมาก ตนเองขายน้ำหอมในตรอกนี้มานานเกือบ 20 ปี เมื่อก่อนในตรอกนี้ลูกค้านักเรียน-นักศึกษา วัยรุ่น รวมทั้งชาวต่างชาติ ต่างเดินมาเดินเที่ยวและเลือกชมสินค้ากันอย่างแน่นขนัด
แต่ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาตนเองรู้สึกได้ว่า คนเริ่มเดินน้อยลง ยิ่งในช่วงปีนี้วันหยุดคนแทบไม่มีทั้งที่ย่านนี้เป็นแหล่งสำคัญของลพบุรี จากที่อดีตเคยขายน้ำหอมได้ หลายหมื่นบาทต่อวัน ตอนนี้ 300 บาทก็เคยได้มาแล้ว ซึ่งตนเองยังโชคดีที่ยืนหยัดขายน้ำหอมในราคาเดิมเพียงขวดละ 100 บาท จึงทำให้ลูกค้าเก่ามาแวะเวียนซื้อน้ำหอมเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่คุ้มกับค่าเช่าที่ในแต่ละเดือนที่มีอัตรา 1 หมื่นบาทต่อเดือน จนทำให้ทุกวันนี้อยู่แบบการแบกภาระขาดทุน
ทั้งนี้สาเหตุที่ย่านนี้ซบเซามาจากการที่ตัวเมืองลพบุรีได้รับผลกระทบจากลิงที่มีจำนวนมากขึ้นทำให้ลูกค้ากลัว และรำคาญที่ต้องคอยหลบลิง แต่สิ่งที่สำคัญคือส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ประชาชนไม่มีเงินมาจับจ่ายซื้อของมากกว่า แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ลูกค้าสูงอายุจากที่เคยซื้อน้ำหอมเป็นขวด บางทีขอซื้อเพียง 20 บาทก็มี ทั้งนี้ตนเองอยากเห็นเศรษฐกิจการค้าย่านนี้กลับมาคึกคักเหมือนก่อน
ด้าน นายกิตติชัย โสดา เจ้าของร้านจำหน่ายเสื้อผ้าวัยรุ่นมือสองเผยว่า ตนเองเพิ่งมาเซ้งร้านเพื่อขายเสื้อผ้าได้ไม่นาน โดยคาดหวังว่าจะมียอดขายดี เพราะย่านนี้ถือเป็นทำเลทอง รวมทั้งทางร้านก็จะมีกลุ่มทาร์เก็ตต่างจากห้างสรรพสินค้า แต่ก็พบว่าลูกค้ากลับเบาบางมาก หลายรายมาเดินเที่ยวชมสินค้าสอบถามราคาจากนั้นก็เดินต่อ ซึ่งบางวันตนเองแทบขายไม่ได้เลย โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเคยคึกคัก กลับมีคนเดินไม่มากแทบจะนับคนได้เลย หลังจากนี้อาจจะต้องคุยกับเจ้าของที่ในเรื่องของการลดค่าเช่าลงบ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระมากเกินไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถาม น.ส.พจนีย์ พูลทองคำ เจ้าของร้านเสื้อผ้าจ๊อยตั้งอยู่หน้าทางเข้าห้างภิญญาช๊อปปิ้งเซนเตอร์ ระหว่างยืนเรียกลูกค้าซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีที่ร้านตนเอง ได้เผยว่า ช่วงนี้ร้านค้าย่านนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะไม่ค่อยมีคนเดินทางเข้ามาในตัวเมือง อาจเพราะหาที่จอดรถยาก รวมทั้งสถานที่เคยให้เป็นที่บริการจอดรถของห้างภิญญาดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ที่เชื่อมระหว่างถนนปรางค์สามยอดกับถนนราชดำเนิน ก็ปิดไป เนื่องจากเจ้าของที่ไม่คุ้นค่ากับการจ้างคนมาเฝ้าคอยดูลิงไม่ให้มารื้อทำลายรถยนต์ของลูกค้า
ส่งผลทำให้ยอดขายตกลงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจับดูเสื้อผ้าและสอบถามราคามากกว่าที่จะซื้อติดมือกลับบ้าน บางทีตนเองต้องยอมขายในราคาเท่าทุนเพื่อที่จะได้เงินหมุนเวียนกลับมาบ้าง
ด้านผู้ประกอบการรายหนึ่งวิเคราะห์ว่า จากการที่ทำให้ย่านถนนราชดำเนิน ถนนปรางค์สามยอด และถนนพระยากำจัด ย่านการค้าที่สำคัญของลพบุรี ซบเซาลงเพราะพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคมีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มาก ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเดินทางเข้ามาในตัวเมือง
ประกอบกับลูกค้าบางคนกลัวฝูงลิงที่มีจำนวนมากจะมาแย่งของที่อยู่ในมือ จึงทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยเหมือนเดิม นอกจากนี้ตัวเมืองลพบุรีเองยังมีการขยายตัวออกไปตามเส้นทางรอบนอกทั้งย่านเอราวัณ ย่านถนนพหลโยธินเส้นทางไป จ.สระบุรี ที่มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอย่างบิ๊กซี ซุปเปอร์เซนเตอร์ ห้างโรบินสัน
รวมทั้งตลาดนัดคลองถม และยังมีสถานที่จอดรถสะดวกมากกกว่าในตัวเมืองที่จอดรถลำบาก แถมยังกลัวความเสียหายที่เกิดจากลิงอีกด้วย จึงทำให้ย่านการค้าที่เคยเฟื่องฟูถูกลดความสำคัญลงไปอย่างมาก แม้ในช่วงเวลาเย็นรถราที่สัญจรไปมาก็น้อยลง ทำให้เมืองดูเงียบเหงา ซึ่งคงต้องให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ช่วยกันหาแนวทางแก้ไข ก่อนที่จะกลายเป็นตำนานไป ผู้ประกอบการคนดังกล่าวทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจ