ล่าสุด “กรมทางหลวง” พยายามเร่งผลักดันมอเตอร์เวย์ สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน ซึ่งเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์เชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน - นครราชสีมา เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดบนถนนในอนาคต
รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน (ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทรลล์เวย์) ระยะทาง22 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 31,358.39 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานโยธา ช่วงรังสิต-บางปะอิน วงเงิน 28,187 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้างงานระบบและอาคารที่เกี่ยวข้อง ช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต-บางปะอิน วงเงิน 1,155 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้าง Rest Stop ด่านรังสิต 1 วงเงิน 7 ล้านบาท, ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน วงเงิน 77 ล้านบาท ,เงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด วงเงิน 1,467 ล้านบาท และค่าออกแบบ-ควบคุมงานก่อสร้าง วงเงิน 462 ล้านบาท
ปัจจุบันโครงการฯ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (บอร์ดPPP) เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรูปแบบการร่วมลงทุนโครงการฯ ภายในปี 2566 หลังจากนั้นจะดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนภายในปี 2567-2568 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2568 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2572
รายงานข่าวจากทล.ระบุว่า นอกจากนี้โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทรลล์เวย์ จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP Gross Cost) ระยะเวลาสัมปทานไม่เกิน 34 ปี โดยเอกชนสามารถเปิดให้บริการได้ทันทีเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่จะไม่มีการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) หากก่อสร้างแล้วเสร็จก่อน 4 ปี ซึ่งมีรูปแบบกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน Build - Transfer - Operate (BTO) โดยรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รายได้ค่าธรรมเนียมผ่านทางและเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านรายได้ดังกล่าวโดยตรง
ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ (Availability Payment: AP) จากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างในอัตราคงที่เป็นระยะเวลา 15 ปี (ใช้กองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง) และค่า O&M เป็นระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้ จะเริ่มจ่ายให้เอกชนภายหลังจากที่เริ่มเปิดให้บริการโครงการฯ (ใช้กองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง) ทั้งนี้เอกชนต้องชำระค่าตอบแทนในส่วนของ Rest Stop ให้ ทล. ตามที่กำหนดในสัญญา
ทั้งนี้โครงการมีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับดอนเมืองโทลเวย์ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน บริเวณทางแยกต่างระดับรังสิต (ประมาณ กม.33+924 ของทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน) และจุดสิ้นสุดโครงการอยู่ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน (ประมาณ กม.1+800 ของทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้โดยตรงกับ มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และ อ.บางปะอิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
สำหรับรูปแบบโครงการเป็นทางยกระดับตามแนวถนนพหลโยธิน 6 ช่องจราจร (ไป-กลับ) มีจุดขึ้น-ลง/จุดเชื่อมต่อ จำนวน 7 แห่งดังนี้ 1.จุดเชื่อมต่อบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด่านรังสิต 1 2.ด่านรังสิต 2.จุดขึ้น-ลง ด่านรังสิต 2 3.จุดขึ้น-ลง ด่านคลองหลวง 4.จุดขึ้น-ลง ด่าน ม.ธรรมศาสตร์ 5.จุดขึ้น-ลง ด่านนวนคร 6.จุดขึ้น-ลง ด่านวไลยอลงกรณ์ และ 7.จุดขึ้น-ลง ด่านประตูน้ำพระอินทร์ โครงการนี้จะมีระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-lane Free Flow) หรือ M-Flow
อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเชื่อมต่อการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ สู่พื้นที่ด้านเหนือ และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่เกิดจากการขยายตัวของชุมชนเมืองทางด้านทิศเหนือที่เชื่อมต่อกับ จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนเชื่อมต่อกับโครงข่ายที่สำคัญในการเดินทาง ได้แก่ มอเตอร์เวย์ 3 สาย คือ ถนนกาญจนาภิเษก (ทล.9) ด้านตะวันตกและด้านตะวันออก, บางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และ บางปะอิน-นครสวรรค์ (M5) รวมถึงถนนเอเชียและถนนพหลโยธิน ทำให้เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สนับสนุนกิจกรรม โลจิสติกส์และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ