นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ซึ่งในปัจจุบันไทยได้รับสิทธิ GSP จาก 4 ประเทศ/กลุ่มประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ประกอบด้วย ยูเครน อาเซอร์ไบจาน ทาจิกิสถาน มอลโดวา อุซเบกิสถาน จอร์เจีย และเติร์กเมนิสถาน
ในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 3,143.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 54.16 % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ และตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดอันดับ 1 ที่ไทยมีการสิทธิ GSP ส่งออกมากที่สุด โดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ อยู่ที่ 2,865.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 91.16 % ของมูลค่าการส่งออกที่ใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด
และจากการติดตามสถิติการใช้สิทธิ GSP พบว่าไทยมีการใช้สิทธิฯ ผ่านโครงการ GSP ของสหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 มีสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกภายใต้สิทธิฯ 5 อันดับแรกคือ
1.ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ
2.กรดมะนาวหรือกรดซิทริก
3.หีบเดินทางขนาดใหญ่หรือกระเป๋าใส่เสื้อผ้า
4.อาหารปรุงแต่ง
5.ถุงมือยาง
สำหรับโครงการ GSP ของสวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ เป็นอันดับ 2 มูลค่า 261.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 3 โครงการ GSP ของนอร์เวย์ มูลค่า 12.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการ GSP ของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มูลค่า 4.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
โดยมีสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง อาทิ เพชรพลอยรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่า (สวิตเซอร์แลนด์) ข้าวโพดหวาน (นอร์เวย์) และสับปะรดกระป๋อง (CIS) เป็นต้น