สถานการณ์บุหรี่เถื่อนทะลักเข้าประเทศไทย ในปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้น นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย เชื่อว่าอาจมีจำนวนมากกว่า 22.3% ตามที่การยาสูบฯ ระบุไว้ เพราะถูกพบมากขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ไม่ใช่แค่ภาคใต้ กรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น
ข่าวสารจากเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย และอุบลราชธานี พบว่ามีบุหรี่ยี่ห้อที่ไม่คุ้นตา ไม่มีแสตมป์สรรพสามิต ไม่มีภาพคำเตือน วางขายอยู่ทั่วไปตามร้านค้าและตลาดนัดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก คาดว่าสาเหตุเพราะจังหวัดเหล่านี้มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
เครือข่ายชาวไร่ยาสูบในจังหวัดต่างๆ มีความหวั่นใจว่า จะเกิดการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย แพร่กระจายเข้ามาในจังหวัดของตนเอง โดยเฉพาะในภาคเหนือที่ปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนีย ที่ในฤดูกาลปลูกปัจจุบันต้นทุนเพิ่มขึ้นมากกว่ากิโลกรัมละ 12.28 บาท แล้วยังต้องเผชิญกับบุหรี่เถื่อนจะรุกหนักในตลาดประเทศไทย จนอาจถูกลดโควตาปลูกยาสูบกระทบรายได้ชาวไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครอบครัว
ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ จึงได้ร้องขอไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามเช่น สรรพสามิต ศุลกากร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งทหารตามแนวชายแดน ให้เร่งปราบปรามร้านค้ารายย่อยในพื้นที่ภาคใต้
เนื่องจากบุหรี่ของการยาสูบฯ แทบจะขายไม่ได้เลยในภาคใต้เช่น พัทลุง สตูล สงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต รวมทั้งขอให้สืบสวนหาตัวการใหญ่เพื่อหยุดขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายข้ามชาติอย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากเป็นการบั่นทอนความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรยาสูบ
ทั้งนี้ นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยถึงแนวทางของกรมศุลกากร เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ หรือบุหรี่เถื่อน และบุหรี่ไฟฟ้าว่า จากการดำเนินนโยบายตามคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รวมถึงข้อสั่งการของนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ในระยะสั้น กรมฯ ได้ปรับรูปแบบการป้องกันและปราบปราม โดยจะเน้นไปที่การหาข่าวการกระทำความผิด เน้นการจับกุมรายใหญ่ เข้าตรวจค้นโกดังแหล่งเก็บบุหรี่เถื่อน หรือตรวจสอบการรับส่งพัสดุที่มีความน่าสงสัยมากขึ้น