เช็คสิทธิ์เงินดิจิทัล 10000 บาท ผ่าน www.Digital Wallet.com เงื่อนไขอะไรบ้าง

24 ก.ค. 2567 | 07:43 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2567 | 08:21 น.

ตรวจสอบสิทธิ์-เงื่อนไข-ข้อกำหนด "โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต" ผ่านเว็บไซต์ www. Digital Wallet.com หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย เช็กคุณสมบัติ การลงทะเบียน การใช้จ่าย การยืนยันตัวตนแอปทางรัฐ ดูได้ที่นี่

รัฐบาลเปิดเว็บไซต์ www.Digital Wallet.com หรือใช้ชื่อภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย เพื่อให้ประชาชน ร้านค้าใช้เป็นช่องทางในการ “ตรวจสอบสิทธิ์โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet”  

ที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างของโครงการเงินดิจิทัล 10,000บาท ทั้งเรื่องเงื่อนไขโครงการ คุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ์ การลงทะเบียนร่วมโครงการ การใช้จ่ายสินค้าและบริการ รวมทั้งวิธีการดาวน์โหลดและการยืนยันตัวตนแอปพลิเคชั่นทางรัฐ

 

โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทคืออะไร

โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ โดยครอบคลุม 878 อำเภอ ในการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ที่จะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ

ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้

ตลอดจนสร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจ เสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ตลอดจนเป็นการวางรากฐานโครงสร้างรัฐบาลดิจิทัลซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทำธุรกรรมกับภาครัฐผ่านช่องทางดิจิทัลในอนาคต


การลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

ประชาชนทุกคนที่มีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนดมีแนวทางการลงทะเบียนรับสิทธิ ดังนี้

  1. สมัครใช้งานแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ผ่านสมาร์ตโฟนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
  2. ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการฯ สำหรับผู้ที่มีสมาร์ตโฟน โดยเปิดลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567

สมบัติและข้อกำหนดสำหรับประชาชนร่วมโครงการเงินดิจิทัล

  • เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
  • สัญชาติไทย
  • มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน
  • ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 โดยกรมสรรพากรประมวลผลข้อมูล ผู้มีรายได้ 7 วัน ก่อนเปิดลงทะเบียนโครงการ
  • เงินฝาก ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 รวมกันเกิน 500,000 บาท โดยเป็นการตรวจสอบเงินฝาก จำนวน 6 ประเภท ได้แก่
    • 1.เงินฝากกระแสรายวัน
    • 2.เงินฝากออมทรัพย์
    • 3.เงินฝากประจำ
    • 4.บัตรเงินฝาก
    • 5.ใบรับฝากเงิน
    • 6.ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) – (5)

โดยเงินฝากให้หมายถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม

 

บุคคลที่ไม่ได้รับสิทธิ์โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

  1. ผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
  2. ผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ
  3. ผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ

 

ขั้นตอนการสมัครใช้งานแอปฯ ทางรัฐ

เตรียมตัวก่อนลงทะเบียนขอรับสิทธิ ”ดิจิทัลวอลเล็ต”

1.ดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ ผ่าน App Store , Google Play

2. เปิดแอปทางรัฐ กดปุ่ม

  • สมัครสมาชิก/เข้าสู่ระบบ
  • แล้วกดที่คำว่า สมัครสมาชิก

3. กดปุ่ม สมัครด้วยบัตรประชาชนบนแอปทางรัฐที่เดียว ไม่ต้องใช้แอปอื่น ไม่ต้องไปเสียบบัตรที่ Counter Service
ช่วยให้ท่านลงทะเบียนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

4.อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัว จากนั้นกดที่ ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขแล้วกด ยอมรับ

5.อ่านข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน จากนั้น กดปุ่มเพื่อถ่ายรูป

6.กรอกข้อมูลของท่านและตรวจสอบให้ถูกต้องตามบัตรประชาชน แล้วกดปุ่ม ยืนยันตัวตน

7.อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้าจากนั้นเริ่ม สแกนใบหน้าของท่าน

8.กำหนด ชื่อบัญชีผู้ใช้ และ รหัสผ่านในการเข้าสู่แอปฯ แล้วกด ยืนยัน

9.ตั้งค่า PIN Code 6 หลัก แล้วกดยืนยัน PIN Code อีกครั้ง

10.เปิดใช้งานการสแกนใบหน้าของท่านโดยกดที่ใช้งาน

11.จากนั้นกด เริ่มใช้งาน ได้เลย 

12. ระบบจะพาท่านกลับมาที่หน้าหลัก ให้กดที่หมวดหมู่ นโยบายรัฐบาล

13.แล้วเลือกที่บริการ ลงทะเบียนขอรับสิทธิ Digital Wallet

14. อ่านรายละเอียดบริการจากนั้นกดปุ่มอนุญาต แล้วเตรียมพร้อมรอติดตามประกาศวัน กดยืนยันขอรับสิทธิจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการได้เลย

หมายเหตุ

  • ในกรณีที่ท่าน สแกนใบหน้าไม่ผ่าน สามารถสร้างบัญชีและเข้าใช้งานแอปทางรัฐได้ก่อนแล้วค่อยทำการสแกนใบหน้าภายหลังโดยกดที่ปุ่ม สร้างบัญชี

 

วิธีการใช้จ่ายระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า

การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ ประชาชนสามารถใช้ได้ในพื้นที่ระดับอำเภอ ทั่วประเทศ (878 อำเภอ)

  1. เป็นแบบพบหน้า (Face to Face) โดยจะต้องตรวจสอบจากที่อยู่ของร้านค้าเป็นไปตามที่ลงทะเบียนไว้กับโครงการฯ และ
  2. ที่อยู่ของประชาชนที่ใช้สิทธิตามทะเบียนบ้านในขณะที่ลงทะเบียนโครงการฯ และ
  3. ขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้า ต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกัน การชำระเงินจึงจะสมบูรณ์การชำระเงินภายใต้โครงการฯ 
  4. ประชาชนจะต้องใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น

ทั้งนี้ ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันที หลังประชาชนใช้จ่าย แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป

 

วิธีการใช้จ่าย-เงื่อนไขของสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ

1.สินค้าทุกประเภทเข้าร่วมโครงการได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่

  • สลากกินแบ่งรัฐบาล
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
  • กัญชา
  • กระท่อม
  • พืชกระท่อม
  • ผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกระท่อม
  • บัตรกำนัล
  • บัตรเงินสด
  • ทองคำ
  • เพชร
  • พลอย
  • อัญมณี
  • น้ำมันเชื้อเพลิง
  • ก๊าซธรรมชาติ
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • เครื่องมือสื่อสาร

2.การใช้จ่ายตามโครงการฯ ไม่รวมถึงธุรกิจบริการ

ทั้งนี้ การปรับปรุงสินค้า Negative List ให้เป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ พิจารณากำหนด (เงื่อนไขของสินค้า ครอบคลุมถึงการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า และการใช้จ่ายระหว่างร้านค้า)

 

วิธีการใช้จ่ายรอบที่ 1 

รอบที่ 1 เป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กจนถึงร้านค้าสะดวกซื้อขนาดเล็ก

1.ประชาชนต้องชำระค่าสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นร้านค้าขนาดเล็กจนถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น

2.ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้ากันจริง

3.เป็นการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) โดยประชาชนต้องมีที่อยู่ในทะเบียนบ้านในอำเภอเดียวกันกับสถานประกอบการของผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็ก

4.การซื้อ-ขายสินค้า ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้ากันแบบพบหน้า (face-to-face) และไม่มีกระบวนการใด ๆ ในการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด และไม่ให้ทำซ้ำ ส่งต่อหรือวิธีการอื่นใดกับ QR Code ในแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้าดังกล่าว

 

การใช้จ่ายรอบที่ 2 เป็นต้นไป

เป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า

1.ผู้ประกอบการร้านค้าต้องชำระค่าสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าอีกแห่งหนึ่ง

2.ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้ากันจริง

 

คุณสมบัติร้านค้าที่ร่วมโครงการ

ร้านค้าที่จะสามารถถอนเงินสดได้ เฉพาะร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และมีคุณสมบัติ ดังนี้

  • ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ ได้แก่
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ
    • ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ
    • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร

เว้นแต่ร้านค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร โดยร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีข้างต้นต้องมีการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี ดังนี้

  1. กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป จะต้องเป็น ผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ในปี 2565 และ 2566 ติดต่อกัน 2 ปี
  2. กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการน้อยกว่า 2 ปี จะต้องเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ติดต่อกันตั้งแต่เริ่ม ประกอบกิจการจนถึงปัจจุบัน
  3. ร้านค้าใหม่ที่ยังไม่ครบกำหนดยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในปีภาษีแรกหรือรอบระยะเวลา บัญชีแรกจะพิจารณาจากการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ ร้านค้าต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์แบบรายเดือนในการลงทะเบียนรับสิทธิ

 

ที่มาข้อมูล : digitalwallet.go.th