สำนักข่าวอัล จาซีรา รายงานว่า "ปลาแซลมอน" สัตว์น้ำที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศแม่น้ำและมหาสมุทร กำลังเผชิญภาวะวิกฤตอย่างหนัก จากรายงานล่าสุดของหน่วยงานสิ่งแวดล้อมสหราชอาณาจักรพบว่า 90% ของปลาแซลมอนป่าในแม่น้ำของอังกฤษอยู่ในสถานะ "เสี่ยง" หรือ "น่าจะเสี่ยง" ต่อการสูญพันธุ์ สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพที่กำลังทวีความรุนแรง
อลัน โลเวลล์ ประธานหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของอังกฤษเปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ "จากเมื่อ 40 ปีก่อนที่มีปลาแซลมอนกลับสู่แม่น้ำในสหราชอาณาจักรประมาณ 1.4 ล้านตัวต่อปี ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น นี่คือจุดต่ำสุดประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง"
1. มลพิษจากภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะการผลิตข้าวโพดที่ส่งผลให้เกิดสาหร่ายเติบโตมากเกินไปในแหล่งน้ำ
2. การเพิ่มขึ้นของตะกอนในท้องน้ำ ทำลายแหล่งวางไข่ของปลา
3. การปล่อยสารเคมีจากกิจกรรมอุตสาหกรรมและน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ
4. การรบกวนระบบนิเวศแม่น้ำจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างถนนและเขื่อน
5. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้อุณหภูมิน้ำสูงขึ้น ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำลดลง
ดีแลน โรเบิตส์ จาก Game & Wildlife Conservation Trust ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ว่า "แม่น้ำบางสายในสหราชอาณาจักรที่เคยมีปลาแซลมอน 20,000 ถึง 30,000 ตัว ปัจจุบันเหลือเพียง 1,000 ถึง 2,000 ตัว บางแม่น้ำเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตัว นี่คือการลดลงถึง 80% ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
แม้การเพาะเลี้ยงปลาแซลมอนจะเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมใหม่ เช่น การแพร่ระบาดของโรค การปนเปื้อนทางพันธุกรรมเมื่อปลาเลี้ยงหลุดรอดสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และมลพิษจากของเสียในฟาร์มเลี้ยงปลา
วิกฤตนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในสหราชอาณาจักร แต่พบในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ในไอร์แลนด์และไอซ์แลนด์ การจับปลามากเกินไปและการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยได้นำไปสู่การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของประชากรปลาแซลมอน
ตามข้อมูลของ Inland Fisheries Ireland องค์กรที่รับผิดชอบในการปกป้องประมงน้ำจืดและทรัพยากรการตกปลาในทะเล จำนวนปลาแซลมอนป่าที่กลับสู่ไอร์แลนด์ลดลงจาก 1.76 ล้านตัวในปี 1975 เหลือ 171,700 ตัวในปี 2022
ในสหรัฐอเมริกา สายพันธุ์เฉพาะ รวมถึงปลาแซลมอน Chinook และ Coho มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากการจับปลามากเกินไป รวมถึงมลพิษจากการไหลลงของการเกษตร และการพัฒนาเมือง
ในแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาแซลมอนรายใหญ่อันดับ 4 ตามข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแคนาดา การผลิตได้ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 148,000 ตันในปี 2016 เหลือ 90,000 ตันในปี 2023 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้เหตุผลว่าการลดลงบางส่วนเป็นผลมาจากปลาแซลมอนหลายแสนตัวที่หลบหนีจากกระชังในทะเลและแพร่กระจายโรคไปสู่ปลาในธรรมชาติ
แม้ปลาแซลมอนเลี้ยงจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงกว่าปลาแซลมอนป่า แต่ก็มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสาร PCB ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายที่ใช้ในอุตสาหกรรม
สาร PCB สามารถสะสมในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน และแพร่กระจายในระบบนิเวศ โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่มีการปล่อยของเสียอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์อย่างร้ายแรง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า PCB เป็นสารก่อมะเร็ง และยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อ ที่น่ากังวลคือ มันสามารถส่งผ่านจากแม่สู่ทารกผ่านทางรกและน้ำนมได้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนทำให้เกิดปัญหานี้อย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชากรปลาแซลมอน ตามรายงานล่าสุดจากนักวิจัยด้านระบบนิเวศทางทะเล อุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้นทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง ส่งผลให้ปลาแซลมอนต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำรงชีวิต
ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ปลาแซลมอนต้องว่ายน้ำไกลขึ้นเพื่อหาอาหารและน้ำที่เย็นกว่า ซึ่งทำให้พวกมันต้องใช้พลังงานมากขึ้น นอกจากนี้ น้ำที่อุ่นขึ้นยังทำลายสารอาหารในระบบนิเวศ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารของปลาแซลมอน
ผลการศึกษาพบว่า ปลาแซลมอนมีขนาดเล็กลงและเติบโตช้าลง ซึ่งทำให้พวกมันผลิตไข่ได้น้อยลงและเสี่ยงต่อการถูกล่ามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนแรกที่อยู่ในทะเล ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้ประชากรปลาแซลมอนโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อปกป้องประชากรปลาแซลมอนและรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล
การสูญพันธุ์ของปลาแซลมอนจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศทั้งหมด เนื่องจากปลาแซลมอนเป็นทั้งผู้ล่าและเหยื่อในห่วงโซ่อาหาร การหายไปของมันจะกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีการเตือนว่าปลาชนิดอื่นๆ เช่น ปลาไหล ก็กำลังเผชิญภาวะใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพที่กำลังลุกลามในวงกว้าง
ที่มา : aljazeera