ในการจัดอันดับตระกูลที่รวยที่สุดในโลกประจำปี 2024 โดย Bloomberg พบว่า ตระกูลวอลตันเจ้าของห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่วอลมาร์ทครองอันดับ 1 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 4.32 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่ตระกูลเจียรวนนท์จากประเทศไทย เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ติดอันดับที่ 19 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.41 หมื่นล้านดอลลาร์
ตระกูลเจียรวนนท์เป็นหนึ่งในสองตระกูลที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในรายชื่อปีนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นจากเอ็กชอ แซ่เจี๋ย ที่หนีภัยพิบัติจากหมู่บ้านในจีนตอนใต้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศไทย ด้วยการขายเมล็ดพืชกับพี่ชายในปี 1921
หนึ่งศตวรรษต่อมา ธนินท์ เจียรวนนท์ บุตรชายของเอ็กชอ แซ่เจี๋ย ดำรงตำแหน่งประธานอาวุโสของเครือซีพี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งอาหาร ค้าปลีก และโทรคมนาคม
Bloomberg รายงานว่า ความมั่งคั่งของตระกูลวอลตัน เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ เนื่องจากราคาหุ้นวอลมาร์ทพุ่งขึ้น 80% ส่งผลให้ทรัพย์สินของตระกูลเพิ่มขึ้น 172.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 12 เดือน หรือเฉลี่ยวันละ 473.2 ล้านดอลลาร์ (นาทีละ 328,577 ดอลลาร์) แซงหน้าตระกูลราชวงศ์จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ครองอันดับ 1 ในปี 2023
ความสำเร็จนี้มีรากฐานมาจากแซม วอลตัน ที่วางแผนแบ่งทรัพย์สินให้ลูกๆ อย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาการควบคุมธุรกิจไว้ในครอบครัว หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 1992 ทายาทยึดหลักการสำคัญคือ "อยู่ร่วมกัน" โดยมี Walton Enterprises เป็นตัวเชื่อมดูแลหุ้นวอลมาร์ทของครอบครัว
ปัจจุบันทายาทรุ่นใหม่ไม่ได้บริหารวอลมาร์ทโดยตรงแล้ว หลังจากร็อบ วอลตัน วัย 80 ปี ลาออกจากบอร์ดในปีนี้ พวกเขาขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่น เช่น ร็อบ วอลตัน ลูกสาวแครี และลูกเขย เกรก เพนเนอร์ ซื้อทีม NFL เดนเวอร์ บรองโคส์ ด้วยมูลค่า 4.65 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022
ขณะที่แอลิส วอลตัน วัย 75 ปี สนับสนุนพิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นนำที่ช่วยให้เมืองเบนตันวิลล์กลายเป็นจุดหมายทางวัฒนธรรม และลูคัส วอลตัน หลานชายวัย 38 ปี นำเงินไปลงทุนใน Builders Vision แพลตฟอร์มที่มุ่งแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบันวอลมาร์ทคิดเป็นประมาณ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูล โดยพวกเขาทยอยขายหุ้นเพื่อกระจายการลงทุนและให้สมาชิกครอบครัวมีอิสระในการทำธุรกิจที่สนใจ
สำหรับ 25 ตระกูลที่รวยที่สุดในโลกมีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้น 406.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ตระกูลวอลตัน (สหรัฐฯ) - 4.324 แสนล้านดอลลาร์
2. ตระกูลอัล นาห์ยาน (UAE) - 3.239 แสนล้านดอลลาร์
3. ตระกูลอัล ธานิ (กาตาร์) - 1.729 แสนล้านดอลลาร์
4. ตระกูลแอร์เมส (ฝรั่งเศส) - 1.706 แสนล้านดอลลาร์
5. ตระกูลคอช (สหรัฐฯ) - 1.485 แสนล้านดอลลาร์
6. ตระกูลอัล ซาอุด (ซาอุดีอาระเบีย) - 1.40 แสนล้านดอลลาร์
7. ตระกูลมาร์ส (สหรัฐฯ) - 1.338 แสนล้านดอลลาร์
8. ตระกูลอัมบานี (อินเดีย) - 9.96 หมื่นล้านดอลลาร์
9. ตระกูลเวอร์ไทเมอร์ (ฝรั่งเศส) - 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์
10. ตระกูลทอมสัน (แคนาดา) - 8.71 หมื่นล้านดอลลาร์
11. ตระกูลจอห์นสัน (สหรัฐฯ) - 7.24 หมื่นล้านดอลลาร์
12. ตระกูลอัลเบรชท์ (เยอรมนี) - 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์
13. ตระกูลพริตซ์เกอร์ (สหรัฐฯ) - 5.94 หมื่นล้านดอลลาร์
14. ตระกูลคาร์กิลล์, แมคมิลลัน (สหรัฐฯ) - 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์
15. ตระกูลโอเฟอร์ (อิสราเอล) - 5.56 หมื่นล้านดอลลาร์
16. ตระกูลฮอฟฟ์มันน์, โอเอริ (สวิตเซอร์แลนด์) - 5.38 หมื่นล้านดอลลาร์
17. ตระกูลฮาร์โทโน (อินโดนีเซีย) - 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์
18. ตระกูลควานด์ (เยอรมนี) - 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์
19. ตระกูลเจียรวนนท์ (ไทย) - 4.41 หมื่นล้านดอลลาร์
20. ตระกูลดันแคน (สหรัฐฯ) - 4.38 หมื่นล้านดอลลาร์
21. ตระกูลแวน ดัมเม่, เดอ สโปเอลเบิร์ช, เดอ เมวิอุส (เบลเยียม) - 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์
22. ตระกูลเบอริงเกอร์, ฟอน บาวม์บาค (เยอรมนี) - 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์
23. ตระกูลมิสทรี (อินเดีย) - 4.14 หมื่นล้านดอลลาร์
24. ตระกูลนิวเฮาส์ (สหรัฐฯ) - 3.88 หมื่นล้านดอลลาร์
25. ตระกูลแฟร์เรโร (อิตาลี) - 3.74 หมื่นล้านดอลลาร์
ข้อมูลจัดทำโดย Bloomberg ณ วันที่ 5 ธันวาคม 2024 โดยไม่รวมตระกูลที่มีความมั่งคั่งจากรุ่นแรก หรือมีทายาทเพียงคนเดียว รวมถึงตระกูลที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าทรัพย์สินได้อย่างชัดเจน
ทั้ง 25 ตระกูลมีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้น 4.065 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของตลาดหุ้น