เสวก ประกิจฤทธานนท์ ปั้นวิทยาศาสตร์ สร้างธุรกิจ

16 มิ.ย. 2559 | 07:00 น.
ผู้นำแต่ละคน มีวิชันและมุมมองในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่การบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แนวทางที่เดินไปของแต่ละผู้นำ จะมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน อาทิ "การโฟกัสในสิ่งที่ตัวเองถนัด" ไม่ขยายงานพร่ำเพรื่อและไปในเรื่องที่ตัวเองไม่มีความรู้ "เสวก ประกิจฤทธานนท์" ประธานกรรมการ บริษัท โอคูโน-ออโรเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเคมีภัณฑ์ครบวงจรคนนี้ โฟกัสการทำธุรกิจของตัวเองมาตั้งแต่เริ่มต้น

จากสายงานที่จบมาทางด้าน วิศวกรรม วัสดุศาสตร์ และบริหารจัดการ ในระดับปริญญาตรี และเรียนต่อด้านการออกแบบและจัดการอุตสาหกรรม ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ จบ Postgraduate Certificate - วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ทางด้าน Global Finance เพียงแค่นี้ก็คงพอจะเดาออกว่าผู้บริหารหนุ่มวัย 37 ปีคนนี้ ชื่นชอบกับงานด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น เขาจึงโฟกัสธุรกิจของเขาชัดเจน ตั้งแต่มาเริ่มรับช่วงธุรกิจจากคุณพ่อ

"ผมเข้ามารับงานตอนประมาณปี 2545 ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 4 บริษัทในเครือ มีรับจ้างชุบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ มีบริษัทที่ทำอุปกรณ์ system ในการชุบ และมีการฉีดสังกะสีและชุบ พอมาดูแล้ว Key focus มันเยอะเกินไป เราก็แยกออกไปให้เครือญาติทำ ผมมองตั้งแต่ในช่วง 10 ปีที่แล้วว่า อะไรที่เป็น labor intensive ตัวผมเองไม่อยากจับ อะไรที่เป็นโรงงาน ต้องใช้แรงงานจำนวนเยอะ ผมไม่ถนัด เราจะโฟกัสไปทางด้านเทคโนโลยี ใช้คนน้อย value added สูง เพราะฉะนั้นเราก็พยายาม cut-off เลิกกิจการไปหรือขาย อย่างพวกฉีดสังกะสี หรือขึ้นรูป และโรงชุบหรือ automation เรามีการแยก เพราะเราโฟกัสแค่ เรื่องของเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับการชุบเคลือบผิวอย่างเดียว"

เมื่อโฟกัสธุรกิจชัดเจน "เสวก" ก็วางวิชันในการทำงาน ต่อจากรุ่นคุณพ่อ ที่มีจำนวนคนงานไม่มาก ตั้งเป้าในการทำงานว่า “การจะบริหารงานสำเร็จได้ มันต้องมองที่ทั้งคนและระบบไปพร้อมๆ กัน” อย่างเรื่องของคนให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน Job description ต้องเคลียร์ ระบบการทำงานต้องบริหารจัดการเองได้ ต้องลงทุนในเรื่องของคน Knowledge ในเรื่องของห้อง lab ที่จะสามารถวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ และขั้นตอนการทำงานเองได้ ซึ่งเขาดำเนินการลักษณะนี้ต่อเนื่องมาแล้ว 12 ปี จนขยายเน็ตเวิร์คไปสู่การมีพาร์ตเนอร์ชิพในต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา และเยอรมัน

"เสวก" เชื่อมต่อความคิดจากเน็ตเวิร์คในการสร้างความรู้ โนว์ฮาวต่างๆ ไปสู่การขยายช่องทางการค้า อย่างพาร์ตเนอร์ที่จับมือกับญี่ปุ่น บริษัท โอคูโน เคมีคอล อินดรัสทรี จำกัด เป็นบริษัทที่มีความรู้ลึกซึ้งด้านเคมีภัณฑ์มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อายุบริษัทกว่า 110 ปี นั่นหมายถึงลูกค้าและพาร์ตเนอร์ของบริษัทโอคูโนฯ ที่มีมากมาย รวมทั้งการวางโรดแมปธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นช่องทางการขยายธุรกิจที่ดีของโอคูโน-ออโรเม็กซ์ ประเทศไทย

"เขาเริ่มวางแผน 20 ปี Road map เราเองก็ต้องเริ่มคิด เพราะกว่าจะ realize ได้ ต้องใช้เวลา 10 ปี ถ้าเราไปวาง 10 ปีข้างหน้าไม่ทัน เราจึงต้องเริ่มคิด อย่างเรื่องของอาเซียน เราก็ไปได้ 30-40% แล้ว และเราต้องทำต่อให้ครบ เพื่อจะสร้าง distribution ของตัวเอง"

เขาจึงเริ่มตั้งฐานวิจัยของตัวเองตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เริ่มจากเป็น Technical Development แผนกหนึ่ง หลังจากนั้นก็แยกออกมาเป็น R&D ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเกษตรศาสตร์ สร้างห้องแล็บ พัฒนาบุคลากร และทำงานวิจัยของตัวเองและลูกค้า

สาเหตุที่ต้องลงทุนกว่า 70 ล้านบาท กับการทำศูนย์วิจัย สร้าง Training Academy ของตัวเอง ที่ทำครบทั้งวิจัย ผลิต เทรนนิ่ง after service แล้วก็ total system เป็นเพราะเขาเชื่อในเรื่องของ Win-Win Situation...เราทำธุรกิจ มันต้อง give & take เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการเทรนลูกค้า ลูกค้าเองก็ควบคุมได้ดีขึ้น ของเสียลดลง เขาก็ซื้อเคมีเรามากขึ้น

สังเกตได้ว่า "เสวก" คือผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเคมีภัณฑ์ และพื้นฐานความรู้ค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่เมืองไทย Chemical Engineer เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุศาสตร์ ยังไม่มีการสอนเรื่องนี้ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ดังนั้น เมื่อรับคนเข้ามาทำงาน ก็ต้องมีการฝึกอบรม สร้าง Job value เพื่อลิงก์กับโครงสร้างการทำงาน ถึงแม้โอคูโนฯ ประเทศไทย จะมีพาร์ตเนอร์ที่มีโนว์ฮาวมากมาย แต่เชื่อได้ว่าพาร์ตเนอร์ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลความรู้ทั้งหมดกับคู่ค้าแน่นอน เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ การสร้างตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ

เพราะเป้าหมายการเติบโตของ "เสวก" ไม่ได้หยุดอยู่แค่ประเทศไทย เขาเริ่มขยายตลาดไปสู่อาเซียน และประเทศอื่นๆ รวมถึงขยายไลน์นอกจากการชุบเคลือบวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ยังขยายไปสู่ Food Science ที่มีลูกค้ารายใหญ่ทั้งซีพี และเบทาโกร ซึ่งรวมๆ แล้วตลาดของธุรกิจเคลือบวัสดุเคมีภัณฑ์ และ Food Science มีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท

เป้าหมายของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ คือ การสร้าง portfolio ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ภายใต้ความเป็น Technology Focus and Better Life ตอนนี้นอกจาก เคมีภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Surface Technology Related ยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ถ้าเป็นไปได้ อนาคตที่อยากเดินหน้าต่อ คือ เรื่องเกี่ยวกับ Renewable Energy และ Food & Health ขณะนี้เขากำลังศึกษาต่อด้านการเงิน สิ่งที่มองคือ การเข้าไปร่วมงานกับพวก Venture Capital

"ธุรกิจก็เหมือนเกม ไปปุ๊บชนปั๊บมันถอยไม่ได้ มันต้องหาซ้ายหาขวา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมมีพื้น Engineering มาก่อน ทำให้ผมสามารถมองเห็นถึงจุด Key point ได้ เราต้องมององค์ประกอบให้ครบ ถามว่าผมขายเคมีอย่างเดียวหรือ? เปล่า ผมต้องช่วยลูกค้าด้วย ถ้าลูกค้าไม่สำเร็จ ผมก็ขายเคมีไม่ได้ เพราะอย่างนั้น จึงมองว่าทำอย่างไรลูกค้าถึงสำเร็จแล้วก็ตีโจทย์กลับมา ต้องมองข้ามช็อต มองสั้นไม่ได้ต้องมองยาว เราต้องปักธงไว้ก่อน อย่างน้อยไปได้ถึงไหนไม่รู้ อาจจะได้ A ได้ B หรือได้ B+ Vision Mission อย่างน้อยก็ทำให้พนักงานเป็นทีมเดียวกัน ไปทางเดียวกันมากขึ้น"...นี่คือแนวคิดของนักบริหารหนุ่ม "เสวก ประกิจฤทธานนท์"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,166 วันที่ 16 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559