อาร์ทีบีบุกตลาดครึ่งปีหลังส่งทัพผลิตภัณฑ์ 13 แบรนด์ดังระดับโลกบุกตลาดแมส

02 ส.ค. 2559 | 06:09 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ส.ค. 2559 | 14:50 น.
อาร์ทีบีฯ ประกาศเดินหน้าลุยตลาดต่อไม่หยุด หลังประสบความสำเร็จในการทำตลาดอุปกรณ์เสริมเชื่อมต่อหรือ Connected Device ในเมืองไทยมากว่า 10 ปี พร้อมกางแผนบุกตลาดครึ่งปีหลัง ด้วยการส่งทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นเทรนด์จาก  13 แบรนด์ดังลุยตลาด โดยเน้นการนำเทคโนโลยีสุดล้ำที่ เคยถูกใช้งานอยู่เฉพาะกลุ่มระดับมือโปรลงมาให้ผู้บริโภคทั่วไปได้ใช้งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่เต็มพิกัด พร้อมงัดกลยุทธ์ทำตลาดเชิงรุก เน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงจัดกิจกรรมสร้างประสบการณ์ตรงกับกลุ่มลูกค้าในการใช้งานผลิตภัณฑ์ โดยทุ่มงบการตลาด 20 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปี 2559ขยายฐานลูกค้าได้ 20%

ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จของอาร์ที บีฯในประเทศไทยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ทำตลาดอุปกรณ์เสริม หรือ โมบาย ไลฟ์สไตล์ (Mobile Lifestyle) ในเมืองไทย อาร์ทีบีฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มผู้บริโภค และแบรนด์ดังๆ จากทั่วโลก และตอนนี้ฐานลูกค้าได้ขยายขึ้นมาก จากกลุ่มโมบาย เป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์ แก็ดเจ็ท ซึ่งความสำเร็จและการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการวางกลยุทธ์ ที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยมีการสำรวจและวิจัยความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาร์ทีบีฯ สามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่โดดเด่น เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้ครอบคลุมทุกความต้องการ นอกจากนั้น ยังมองเทรนด์จากตลาดโลก เพื่อนำสินค้าที่มีนวัตกรรมโดดเด่นเข้ามาในไทย ก่อนคนอื่น อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่อาร์ทีบี ฯเป็นผู้ทำตลาดนั้นล้วนแล้วแต่ เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาด

“สำหรับการแข่งขันในตลาดไลฟ์สไตล์แก็ดเจ็ทปีนี้ค่อนข้างรุนแรง  เนื่องจากเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ดังจะเห็นได้จากการที่มีแบรนด์ ใหม่เข้ามาในตลาดมากมาย พร้อมมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สู่ตลาดต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ช่วง 2 -3 ปีนี้ สภาพเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น และก็มีบางแบรนด์ หรือบางบริษัทต้องปิดตัวไปจากตลาดในเมืองไทย หรือตลาดโลกเช่นกัน ส่วนปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ ตลาดมีการเติบโตมาจากการขยายตัวของ Internet of Things (IOTs) จากการมีเครือข่าย 4G ทำให้ผู้บริโภคทุกคนสามารถเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่ โลกอินเทอร์เน็ตได้ง่ายดายทุกที่ ทุกเวลา กอปรกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้อุป กรณ์แก็ดเจ็ทต่างๆ ใช้งานง่ายขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เคยใช้งานเฉพาะมืออาชีพ สามารถเข้ามาทำตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปได้ อาทิ การถ่ายภาพด้วยโดรน การใช้หูฟังเพื่อการแต่งเพลง หรือแกะเพลง การติดตั้งระบบกันขโมยบ้านด้ วยตัวเอง หรือแม้กระทั่งวิเคราะห์ การออกกำลังกายของตัวเองจากข้ อมูลการเต้นของหัวใจที่วัดได้ จากหูฟัง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำตลาดไลฟ์สไตล์ แก็ดเจ็ท ได้รับความสนใจสูงขึ้นจากผู้บริโภคกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น”

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อาร์ทีบีฯ ได้วางนโยบายเชิงรุกทุกรูปแบบ โดยมีเป้าหมายหลักคือ การต่อยอดความเป็นผู้นำอุปกรณ์ เชื่อมต่อ (Connected Device) เข้าสู่ตลาด ไลฟ์สไตล์แก็ดเจ็ทอย่างเต็มตัว  ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เข้ามาขยายตลาดให้ครอบคลุ มหลากหลายเซ็กเม้นต์ที่กำลังเติ บโต พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่ สอดรับกับไลฟ์สไตล์ความต้องการ และศักยภาพของผู้บริโภคในแต่ละเซ็กเม้นต์สูงสุด  โดยจนถึงสิ้นปีนี้มีแผนที่ จะผนึกกำลังพันธมิตรที่มี ความแข็งแกร่งในอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงเข้ ามาทำตลาดในเมืองไทยทั้งหมด 13 แบรนด์ดังระดับโลกประกอบด้วย หูฟังไร้สายจาบร้า (Jabra), หูฟังออดิโอ เทคนิกา(Audio-Technica), โดรนซีโร่ (Xiro), กล้องติดรถยนต์ดีโอดี (DOD), สายชาร์จเอ็นเนอร์เจีย (Energea), เคสและกระเป๋ายูนีค (Uniq), กล้องไว-ไฟโมโตโรล่า (Motorola), หูฟังฟิลิปส์ (Philips), แบตเตอร์รีโมฟี่ (Mophie), แท่นชาร์จเดอะคูปไอเดีย (The Coopidea), หูฟังแม็กเซ็ลล์ (Maxell), รวมถึงสินค้าสมาร์ทโฮมจากยาคอป เย็นเซ็น (Jacob Jensen), และสมานอส(Smanos) โดยสินค้าทั้งหมดอยู่ใน 6 ประเภทสินค้า ได้แก่ อุปกรณ์ถ่ายภาพและวิดีโอ หูฟัง อุปกรณ์เชื่อมต่อในบ้าน (Home Connected Device) อุปกรณ์ชาร์จไฟและแบตเตอร์รี และสุดท้ายคือ เคสและกระเป๋ามือถือแท็ปเล็ต ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกเซ็กเม้นท์ ของไลฟ์สไตล์แก็ดเจ็ท (Lifestyle Gadget)

นอกจากนี้ ยังเน้นการทำตลาดแบบเชิงรุกให้ มากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณสำหรั บการทำตลาดไว้ที่ 20 ล้านบาท โดยจะเน้นสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น เนื่องจากนวัตกรรมรุ่นใหม่ๆ ที่อาร์ทีบีฯนำเข้ามาทำตลาดเริ่มจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะมีแอพพลิเคชั่นหรือเซ็ นเซอร์ในการเชื่อมต่อใช้งาน อาทิ นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยในบ้านอัจฉริยะ หรือสมาร์ทโฮม และโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ เป็นต้น จึงทำให้ต้องอาศัยRich Media ที่สามารถสื่อสารเรื่องราวและคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ได้รวดเร็วชัดเจน ควบคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์ Consumer Experience ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ กับตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสสัมผัสกับคุณภาพและประสบการณ์ใช้ งานของผลิตภัณฑ์ใหม่มากยิ่งขึ้น ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะมุ่งเสริมแกร่งช่องทางการจั ดจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งจำนวนกว่า 300 รายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ควบคู่กับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ที่เน้นผ่านช่องทางจำหน่ายสินค้าเฉพาะทางมากขึ้น อาทิช่องทางทางด้านเฟอร์นิเจอร์ โดรน ร้านประดับยนต์ และเครื่องเสียง นอกจากนี้ยังขยายเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้แก่ พม่า กัมพูชา และลาว

“จากแนวทางการทำตลาดเชิงรุก ผนวกกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรงเข้ ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และทำให้อาร์ทีบีฯ เติบโตในตลาดไลฟ์สไตล์ แก็ดเจ็ท ได้อย่างต่อเนื่อง ปีนี้ความสำเร็จอาจจะไม่ สามารถวัดได้ด้วยยอดขาย เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้เรามั่นใจก็คือความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ที่ต้องการให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้ าให้ใหญ่มากขึ้นตั้งแต่ช่วงปีที่ แล้วต่อเนื่องจนถึงปีนี้ โดยเรามั่นใจว่าสิ้นปี 2559 จะสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 20%” นายบรรพต กล่าวทิ้งท้าย