เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวงกําหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๖๕
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกําหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ข้อ ๓ ให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุน เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน ตามบัญชีอัตราเงินสมทบ ท้ายกฎกระทรวงนี้ ดังต่อไปนี้
(๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ให้เป็นไป ตามอัตราในบัญชี ก.
(๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ให้เป็นไปตามอัตราในบัญชี ข.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕
สุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณี คลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน โดยกําหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และ ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราที่เหมาะสม เพื่อเป็นการบรรเทา ภาระของนายจ้างและผู้ประกันตน ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูง และความตึงเครียดระหว่างประเทศ จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้