นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 กรมฯ ได้ออกประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียน จำนวน 8,282 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ ได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบเช่นกัน เพื่อจะได้มีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับนิติบุคคลที่จะถูกขีดชื่อในครั้งนี้ กรมฯ ได้พิจารณาจากมูลเหตุหรือข้อสันนิษฐาน คือ กรณีไม่ส่งงบการเงินติดต่อกัน 3 ปี นับตั้งตืปี 2561 – 2563 ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจแล้ว พบว่ามีจำนวน 8,282 ราย ซึ่ง85% เป็นบริษัทที่จดทะเบียนธุรกิจ กว่า10%เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และที่เหลือเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
ทั้งนี้หากพ้นกำหนดเวลา 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ นิติบุคคลดังกล่าวจะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคล เว้นแต่แสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ดี แม้นิติบุคคลจะมีสถานะร้างและ สิ้นสภาพนิติบุคคลไปแล้ว แต่ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้น ยังคงมีอยู่ และอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน
สำหรับประชาชนที่ต้องการจะตรวจสอบรายชื่อนิติบุคคลที่เข้าข่ายจะถูกขีดชื่อสามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หัวข้อ คู่มือทำธุรกิจ เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน
โดยขณะนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอยู่ระหว่างปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล รวมถึงป้องกันความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ ที่จะนำความน่าเชื่อถือของนิติบุคคลไปหลอกลวงประชาชน "การปรับปรุงฐานข้อมูลสถานะของนิติบุคคลถือเป็นภารกิจสำคัญที่กรมฯ ได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของข้อมูลนิติบุคคลอันจะส่งผลต่อการวิเคราะห์การเจริญเติบโตในภาคธุรกิจและตัดโอกาสการถูกหลอกลวงของประชาชน ดังนั้น ขอฝากไปยังนิติบุคคลจะต้องดำเนินธุรกิจให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย ซึ่งการจัดทำงบการเงินประจำปีและยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าถือเป็นหน้าที่สำคัญของนิติบุคคล รวมไปถึงกรณีที่ธุรกิจมีความจำเป็นจะต้องยุติลง แต่ก็ยังคงมีหน้าที่ในการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นเช่นกัน