สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 85.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.38 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 92.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 100,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จำนวน 15 ล้านบาร์เรลเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
ประธานาธิบดีไบเดนตัดสินใจดังกล่าว หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนนี้ ซึ่งสวนทางความต้องการของสหรัฐ
ที่ผ่านมา สหรัฐพยายามกดดันซาอุดีอาระเบียและโอเปกพลัสเพื่อให้เพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากปธน.ไบเดนกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจะกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 8 พ.ย.