สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 71.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2564
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 76.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2564
ในช่วงแรก สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% ทะลุระดับ 75 ดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าบริษัททีซี เอนเนอร์จี (TC Energy) ของแคนาดาประกาศปิดท่อส่งน้ำมัน Keystone เนื่องจากพบการรั่วไหล โดย Keystone เป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปสู่แถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐ
แต่สัญญาน้ำมันปรับตัวลงในเวลาต่อมา หลังผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การปิดท่อส่งน้ำมันดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อปริมาณน้ำมันในตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐมีมากเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันในการประชุม 4 ครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงลบ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางการเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ประชาชนต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเข้าร้านอาหาร หรือสถานบันเทิง และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (9 ธ.ค.)