นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด โดยถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น ขมิ้นชัน ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว ขี้มิ้น หมิ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภาคและจังหวัดนั้น ๆ นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็นต้น
ขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่าง ๆ รวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นต้น และขมิ้นชันมีสรรพคุณทางยาที่รักษาอาการและโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงศักยภาพของขมิ้นชันเนื่องจากเป็นสมุนไพรและไทยมีศักยภาพและอีกทั้งขมิ้นชันยังเป็นที่ต้องการของตลาด (Product Trend) ทั้งในและต่างประเทศ สามารถแปรรูปเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตามแนวคิด SMART LOCAL ‘ของเด่นพื้นที่ ของดีพื้นถิ่น’ ยกระดับเป็น Superfood ของไทยที่ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ตอบโจทย์กระแสการดูแลสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พร้อมบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงสินค้าสู่ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจสปา เพิ่มความมั่งคั่งในภาคเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานีในทุกมิติการค้า
โดยหลังจาก ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงปลูกขมิ้นชัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกขมิ้นชันคุณภาพสูงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ พร้อมผลักดันให้ขมิ้นชันของ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่รับรู้ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนตลาดเชิงรุก ร่วมกับกลุ่มผู้ซื้อและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาทิ กลุ่มเวชพงศ์โอสถ โรงแรมวังใต้ จับมือเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ขายกับชุมชนแหล่งขมิ้นชันบ้านตาขุน กระตุ้นตลาดขมิ้นชันให้เติบโตมีผลผลิตที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เกิดการสร้างงาน และเพิ่มรายได้ให้ชุมชนในพื้นที่ทันที
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน มูลค่ารวม 12,211 ล้านบาท และมีมูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรในประเทศปี 2565 สูงถึง 52,000 ล้านบาท