นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Officials Meeting: SEOM) ที่ผ่านมาณ เมืองเซอมารัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่ผ่านมาได้พิจารณาประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการเร่งติดตามความคืบหน้าในการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA)
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบประเด็นเรื่องการประชุมดังกล่าว ซึ่งในปีนี้เน้นย้ำถึงประเด็น บทบาทอาเซียนที่มีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางการเจริญเติบโต (ASEAN Matters: Epicentrum of Growth) พร้อมตั้งเป้าให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และยั่งยืน
"นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นที่จะใช้ทุกความร่วมมือระหว่างประเทศให้เกิดโอกาส และประโยชน์สูงสุด พร้อมผลักดัน และสนับสนุนในประเด็นทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งต่อไทย และภูมิภาค เพื่อกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจในตลาด ส่งผลถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ" นายอนุชา กล่าว
โดยความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) ระหว่าง อาเซียน-แคนาดาซึ่งจะสามารถสรุปผลได้ในปี 2567 ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-จีน และ ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย ซึ่งตั้งเป้าสรุปผลในปี 2568
ส่วนความตกลงการค้าสินค้าออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีการลงนามพิธีสารแก้ไขความตกลงในปีนี้ โดยจะเป็นความตกลงฉบับที่ 3 ของไทย ที่สามารถใช้รูปแบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เพิ่มเติมจากความตกลง ATIGA และ RCEP ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ตลอดจน ได้พิจารณาผลักดันประเด็นในการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
นอกจากนี้ในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน ยังได้เร่งผลักดันประเด็น การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของ MSMEs การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน การลดกำแพงภาษี ระหว่างภูมิภาค รวมถึงขยายความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค
พร้อมจัดตั้งสำนักเลขาธิการ RCEP เพื่อกำกับดูแลภายใต้ข้อตกลง RCEP การจัดทำกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการบริการของอาเซียน เช่น การนำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า e-Form D มาใช้อย่างเต็มรูปแบบผ่านระบบASEAN Single Window (ASW) อำนวยความสะดวกทางการค้า ลดต้นทุนทางธุรกิจ ส่งเสริมการค้าดิจิทัลข้ามพรมแดน และส่งเสริมการใช้ e-Form D เพิ่มขึ้น