นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงยอดการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนมกราคม ว่า หลังจากที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด เกิดการเดินทางระหว่างกันมากขึ้นส่งผลใก้เศรษฐกิจได้รับการกระตุ้นทั้งจากการผลิต การส่งออก รวมถึงพระเอกของปีนี้อย่างภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวนมาก
ส่งผลให้การจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2566 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนมกราคม 2566 จำนวน 8,466 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 20,847.11 ล้านบาท
โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 704 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ 545 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 379 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ และเมื่อแบ่งตามช่วงทุน ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 5,787 ราย คิดเป็น 68.36% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 2,585 ราย คิดเป็น 30.53% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 83 ราย คิดเป็น 0.98% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 11 ราย คิดเป็น 0.13%
สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมกราคม 2566 มีจำนวน 1,297 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 4,268.20 ล้านบาท ซึ่งประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 141 ราย คิดเป็น 11% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 54 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 44 ราย คิดเป็น 3%
โดยธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุนดังนี้ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 911 ราย คิดเป็น 70.24% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท 333 ราย คิดเป็น 25.67% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 48 ราย คิดเป็น 3.70% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 5 ราย คิดเป็น 0.39%
สำหรับธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ เดือนมกราคม 2566 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น(ณ วันที่ 31 ม.ค. 66) จำนวน 857,511 ราย มูลค่าทุน 21.36 ล้านล้านบาท เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,641 ราย คิดเป็น 23.52% บริษัทจำกัด 654,488 ราย คิดเป็น 76.32% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,382 ราย คิดเป็น 0.16%
ทั้งนี้การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนมกราคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 30 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท ลดลง 69% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2565) และลดลง 47% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (มกราคม 2565) นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 410 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 6 ราย เงินลงทุน 9 ล้านบาท