เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ได้เดินทางมายังกระทรวงคมนาคม พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยก่อนเริ่มการแถลงข่าวนั้น ได้นำน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดคนโกง และสเปย์ดับกลิ่นเหม็นเงินทอน มาฉีดพ่นบริเวณด้านหน้า และภายในห้องโถงของกระทรวงคมนาคม พร้อมกันนี้ยังได้โชว์ล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อลบคำกล่าวของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่กล่าวหาว่านายชูวิทย์ ตื่นมาไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน
ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้น นายศักดิ์สยาม ได้ส่งนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการ รมว.คมนาคม และนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย(รฟม.) ให้การต้อนรับ และรอรับเอกสารหลักฐาน แต่ปรากฏว่านายชูวิทย์ ไม่ได้ยื่นเอกสารให้ แต่ได้ยื่นน้ำยาบ้วนปากฝากให้นายศักดิ์สยามแทน
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางมายื่นหลักฐานเอกสารให้กับกระทรวงคมนาคม จะให้ยื่นทำไมในเมื่อเป็นกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการประมูล ซึ่งตนจะนำเอกสารหลักฐานไปยื่นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตก เพื่อให้การบริหารงบประมาณจากเงินภาษีอากรใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า พร้อมทั้งให้ตรวจสอบนายศักดิ์สยามด้วย เนื่องจากเรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยศักดิ์สยาม เป็นเจ้ากระทรวง และรู้เรื่องเป็นอย่างดี แต่ไม่ดำเนินการใดๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ถือว่าเป็นการละเว้นเกี่ยวกับหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
สำหรับการออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้รับเงินฝ่ายใดมาสักบาท แต่ออกมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน และประเทศชาติ แต่หากเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มใครรับเงินมาไม่ว่าจะกี่บาทขอสาปแช่งให้ไม่เจริญ แต่ถ้าไม่ได้รับก็ขอให้เจริญๆ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ที่การล็อกสเปคชัดเจน โดย รฟม มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และคุณสมบัติผู้เข้าร่วมการประมูลใหม่ จากเดิมต้องเป็นบริษัทผู้เดินรถในไทย เปลี่ยนเป็นบริษัทเดินรถได้ทั่วโลก
ส่วนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เดิมเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาจากทั่วโลกสามารถเข้าประมูลได้ แต่กลับเปลี่ยนใหม่เป็นต้องเป็นผู้รับเหมาที่มีผลงานการสร้างอุโมงค์ และงานรางที่สำเร็จแล้วในประเทศไทย ซึ่งก็มีเพียงแค่ 2 บริษัทคือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
ขณะที่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ยังไม่มีผลงาน จึงทำให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทเดินรถไม่มีบริษัทผู้รับเหมา จึงเข้าประมูลไม่ได้ ขณะที่บริษัท ช.การช่างฯ จับคู่กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ส่วนบริษัท อิตาเลียนไทยฯ จับคู่กับบริษัทเดินรถจากประเทศเกาหลีใต้ แต่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ก็ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากผู้บริหารเป็นบุคคลต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลตามเงื่อนไขของ รฟม. ได้ จึงทำให้บริษัทผู้รับเหมาเหลือเพียงรายเดียวคือ บริษัท ช.การช่าง
“กระทรวงคมนาคมมีความพยายามที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จก่อนหมดอายุรัฐบาลชุดนี้ด้วย ซึ่งหากเอาเอกสารหลักฐานยื่นไปให้กระทรวงคมนาคมก็ไม่รู้จะเอาไปเก็บใส่เก๊ะหรือเปล่า จะไปยื่นให้ทำไม อยากได้ให้ไปเอาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และอย่าเอาผมไปพัวพันกับนักการเมือง อีกทั้งหากเก่งจริงนายศักดิ์สยามต้องอยู่กระทรวงคมนาคม อย่าลืมเอาน้ำยาไปบ้วนปากด้วย เหม็นขี้ฟัน และที่ขู่ว่าจะฟ้องผม ก็ไปฟ้องเลย ไม่เคยกลัว ขอให้ทำจริง อย่าปากเหม็น แต่ตอนเลือกตั้งระวังให้ดี เจอถล่มเละแน่ จะไม่ให้พรรคภูมิใจไทยได้สักเสียงในกรุงเทพฯ เลย”
นายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการพูดถึงหลักฐานเรื่องการโอนเงิน 3 หมื่นล้านบาทที่ประเทศสิงคโปร์หรือไม่ว่า โครงการมันยังไม่เริ่ม การจ่ายก็ยังไม่มี ยังเป็นเหมือนการตกลง ถึงมีหลักฐานก็ยังไม่ให้ จะรอให้ผู้ร้ายมอบตัวก่อน