บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 รัฐบาลเปิดให้ผู้ที่มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้ตรวจสอบสิทธิ ผ่าน-ไม่ผ่านแล้ว ซึ่งในการลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากถึง 22 ล้านคน และมีผู้ได้รับสิทธิ 14.59 ล้านคน
สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจะต้องยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ที่ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป โดยเมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ คือ
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มอบอำนาจยืนยันตัวตนต้องทำยังไง
การยืนยันตัวตน สำหรับผู้ที่มีสิทธิ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มเปราะบาง ทั้ง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สะดวกต่อการเดินทาง รัฐบาลแจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร โดยสามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาลงทะเบียนแทนได้ โดยใช้เอกสาร ดังนี้
เอกสารมอบอำนาจต้องเตรียมอะไรบ้าง
การเปิดยืนยันตัวตนมีถึงวันไหน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหรกณ์การเกษตรหรือธ.ก.ส. และธนาคารออมสินจะให้บริการยืนยันตัวตนเป็นเวลา 180 วันนับจากวันที่ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติ (วันที่ 1 มีนาคม – 27 สิงหาคม 2566) และธนาคารกรุงไทยฯ จะให้บริการยืนยันตัวตน โดยยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการ
สำหรับการยืนยันตัวตนในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร โดยผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิสวัสดิการ โดยสามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้
นายกฯ กำชับอย่าสวมสิทธิ์กลุ่มเปราะบาง
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นในการลดความเหลื่อมล้ำ ตามนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อการดำรงชีวิตในเบื้องต้น สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกู้ยืมเงินนอกระบบ
“นายกฯ มีความห่วงใยกลุ่มเปราะบาง โดยขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครือข่ายในชุมชนท้องถิ่นเร่งประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงข้อมูล และปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ และสั่งให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่สวมสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อน โดยมีโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่ง”