ข้อมูลจากธนาคารโลก เผยถึงความกังวัลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เพราะการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การขยายตัวของเมืองที่นำมาสู่มลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง
มลพิษทางสิ่งแวดล้อม คือสาเหตุสำคัญของการเกิดโรค และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) พบว่ามีคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกว่า 9 ล้านคนจากมลพิษ ส่วนใหญ่จากมลพิษทางอากาศ ตัวเลขนั้นเท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรียรวมกันหลายเท่า
"วิกฤตการณ์ด้านสุขภาพทั่วโลก" เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 คือ สิ่งที่ชี้ให้ถึงความเชื่อมโยงกันอย่างแข็งแกร่ง ระหว่างสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
การจัดการมลพิษทางอากาศเป็นสิ่งที่ท้าทายทุกประเทศอย่างมาก ธนาคารโลกรายงานว่ามลพิษทางอากาศ "สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับโลกประมาณ 8.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2562" หรือร้อยละ 6.1 ของ GDP ทั้งหมดทั่วโลก
หากประเทศใดจัดการมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกแล้ว ยังสามารถ "เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ" ทั้งการสร้างงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขนส่งที่ดีขึ้น และการพัฒนาเมืองและชนบทอย่างยั่งยืน
ธนาคารโลกและการช่วยเหลือด้านปรับปรุงคุณภาพอากาศ
ที่ผ่านมาธนาคารโลกได้สนับสนุนประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ตัวอย่างเช่น ในประเทศจีน ธนาคารโลกได้สนับสนุนมณฑลเหอเป่ย ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยใช้พลังงานสะอาด ทั้งในปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังสนับสนุนรัฐบาลอียิปต์ด้วยโครงการ Greater Cairo Air Pollution Management and Climate Change มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบูรณาการและวางแผนเพื่อจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศและคุณภาพอากาศ
ยังมีความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา ในการออกนโยบายมุ่งลดมลพิษ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยด้านสุขภาพ เช่น เม็กซิโกซิตี้ เม็กซิโก, ธากา บังกลาเทศ, อักกรา กานา, ลากอส ไนจีเรีย, ฮานอย เวียดนาม, โจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้
การจัดการมลภาวะ และสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะมีส่วนในการผลักดันตัวเลขจีดีพีได้ถึง 80% ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทั้งองค์กรและประชาชนยอมรับ การเชื่อมโยงกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน การประหยัดต้นทุนการผลิต โดยผลิตในจำนวนที่มากขึ้น (economies of scale)
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการสิ่งแวดล้อม จะดึงดูดทั้งแรงงาน และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ส่งผลให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เศราฐกิจเติบโตเร็วและมีประสิทธิผลมากขึ้น
ตัวอย่างวิธีจัดการมลภาวะทางอากาศในบางประเทศ
1.โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก
- จัดโซนพื้นที่ปล่อยมลพิษต่ำตั้งแต่ปี 2551
-ส่งเสริมให้มีระบบขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด เช่น รถประจำทาง ตั้งเป้าเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด หรือก๊าซชีวภาพภายในปี 2025
- ส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี รถยนต์ที่ซื้อใน
เมืองตั้งแต่ปี 2010 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า
- เพิ่มค่าจอดรถในคนนอกพื้นท่ีที่ขับรถเข้าเมือง ช่วยลดปริมาณรถติดได้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์
-สร้างพื้นที่ๆเป็นมิตรต่อผู้ใช้จักรยาน หรือทางเท้าเพื่อการสัญจรในเมือง
- การเชื่อมโยงระบบขนส่ง แบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานพื้นที่ในเมือง
- ระบบการขนส่งอัจฉริยะ เพื่อให้การจราจรลื่นไหล
2.แวนคูเวอร์ แคนาดา
- การตรวจสอบการปล่อยมลพิษ มุ่งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนจากรถเก่าในเมืองหลวง
- ตั้งเป้าใช้พลังงานจากแหล่งเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ก่อนปี 2050
-การติดตั้ง 111 สถานีชาร์จรถไฟฟ้าภายในปี 2015
- การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อใช้จักรยานที่ปลอดภัย
-สร้างทางเดินสีเขียว (Greemway) โดยให้ทางเท้าแยกกับทางจักรยาน
3.คาวาซากิ, ญี่ปุ่น
- ออกข้อตกลงในการป้องกันมลภาาวะทางอากาศที่เกิดจากอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 1970
- การติดตั้งระบบตรวจสอบที่เข้มข้นในปี 1972
- กำหนดปริมาณการปล่อยมลพิษจากต้นตอแต่ละประเภท
4.คิตะคิวชู, ญี่ปุ่น
- การติดตั้งระบบเแจ้งเตือนหมอกควัน
- การสร้างเครือข่าย ทำงานเป็นทีม
- ออกกฎหมาย สร้างแพลตฟอร์ม นโยบายและการประเมินทางเศรษฐกิจที่เฉพาะเจาะจง
-มีคุณภาพมาตรฐานระดับชาติ
-จัดตั้งโครงการ EcoTown ตั้งแต่ปี 1997 เพื่อบรรลุการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
ที่มา : ธนาคารโลก