นายเทอดไท แสงผล ปลัดอำเภอปลวกแดง (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) จ.ระยอง เปิดเผยว่า เตรียมดำเนินการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อรองรับการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศที่กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมก่อนที่จะมีการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อนำไปสู่กระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงร่างข้อเสนอในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ในระยะต่อไป
โดยกำหนดข้อมูลความเหมาะสมที่สำคัญ ได้แก่ ความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ ความเหมาะสมด้านวิศวกรรม และความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะข้อมูลตามข้อเท็จจริงของพื้นที่เพื่อนำไปสู่ผลการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนานิคมฯ และสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับประชาชนในภาพรวมได้ในอนาคต
นายนำชัย นิลทอง ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ผู้รับผิดชอบดูแลโครงการ อมตะซิตี้ ระยอง (ส่วนขยาย) ระยะที่ 6 กล่าวว่า ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการในประเทศ รวม 2 แห่ง ได้แก่ อมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง โดยอมตะซิตี้ ระยอง เป็นนิคมฯ ที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ของรัฐบาล
ดังนั้น บริษัท อมตะซิตี้ ระยอง จำกัด จึงได้วางแผนขยายพื้นที่โครงการเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 635.93 ไร่ ซึ่งจะส่งผล ให้มีพื้นที่ที่จะพัฒนา เพิ่มขึ้น เป็น 17,118.79 ไร่ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรม ที่ทันสมัยและเพียบพร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภครองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ภายใต้การร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
สำหรับแผนการขยายพื้นที่โครงการอมตะได้มีการจัดสรรการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในพื้นที่โครงการ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
สัดส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบันและอนาคต โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
“เชื่อว่าการขยายพื้นที่ดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมต่อประเทศ และชุมชนโดยรอบพื้นที่ตั้งโครงการ ทั้งด้านการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ลดการใช้พลังงานและการปล่อยมลพิษ สร้างรายได้และกระจายความเจริญให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพิ่มการจ้างงาน และเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับคนในชุมชน"
โดยมีการเพิ่มทักษะในการประกอบอาชีพต่างๆ มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ทำงานในนิคมฯ และชุมชนโดยรอบนิคมฯ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ การก่อตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมกิจกรรมในชุมชน และสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยได้อีกด้วย