นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)เปิดเผยว่าถึงแนวทางการส่งเสริมการส่งออกสินค้า BCG ซึ่งปี 2565 สร้างมูลค่าการค้ากว่า 5 พันล้านบาท และมีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 4,868 ราย ดังนั้นในปีนี้กรมยังคงเดินหน้าในการผลักดันสินค้าที่เกี่ยวกับBCGตามกระแสความต้องการของผู้บริโภคราย ใน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ กลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป-อาหาร และ กลุ่มสินค้าอื่นๆ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สินค้า BCG ไทยในตลาดต่างประเทศซึ่งกรมฯมีกำหนดเปิดรับสมัครประมาณปลายเดือนเมษายนนี้
และเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขนได้ในตลาดต่าประเทศ กรมมีแผนที่จะพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในด้านๆต่างๆเช่น ปรับปรุงหลักสูตรของสถาบัน NEA โดยเพิ่มเนื้อหาการดำเนินธุรกิจตามแนว BCG เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจ
สามารถปรับตัว อาทิ โครงการยกระดับผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจกระแสใหม่ (Upskill & Reskill)/ โครงการบ่มเพาะแบรนด์ผู้ประกอบการ BCG เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับแนวการทำธุรกิจแบบ Circular & Green Economy
รวมถึงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยเฉพาะโครงการ DEWA/DEWI / โครงการ Circular packaging เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคดำเนินธุรกิจตามแนว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยรวมถึงการพัฒนาผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์สู่ตลาดสากล (DEWA & DEWI)
สำหรับสินค้าไลฟสไตล์ จะมีการร่วมมือในการพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างการค้า การตลาด การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม กับ 7 หน่วยงานวิจัย ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการส่งเสริมให้งานวิจัยและนวัตกรรมของไทย มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก และต่อยอดผู้ประกอบนวัตกรรมสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยการจัดกิจกรรมจับคู่ ผู้ประกอบการและนักวิจัย เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้านวัตกรรม ภายใต้โครงการ Smart Value Creation
สำหรับสินค้าที่ผ่านการพัฒนาแล้ว กรมมีการจัดโซนแสดงสินค้านวัตกรรมและงานออกแบบ (Innovation and Design Zone -IDZ) ในงานแสดงสินค้านานาชาติ STYLE Bangkok ที่กรมจัดในประเทศไทย โดยรวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาด้านนวัตกรรมได้แสดงผลงาน สร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์ สู่ตลาดโลก
“กรมยังมีโครงการ BCG to Carbon Neutrality ร่วมกับ STeP มช. เสริมสร้างองค์ความรู้และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้าน BCG และ Carbon footprint แก่ผู้ประกอบการ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ เตรียมความพร้อมเพื่อยื่นขอฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อีกด้วย”
อย่างไรก็ตามกรมได้ให้สำนักงานทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลกเผยแพร่ให้กับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าในต่างประเทศ ในช่องทางการตลาดสินค้า BCGเช่นดันสินค้า BCG ไทยขึ้นขายบนออนไลน์แพลตฟอร์ม Thaitrade.com และในร้านTop Thai บนแพลตฟอร์มพันธมิตรในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Tmall Global ของจีน Big Basket ของอินเดีย Amazon ของสหรัฐฯ Blibli ของอินโดนีเซีย Klangthai ของกัมพูชา, PChome ของไต้หวัน และ Shopee ของมาเลเซีย
นอกจากนี้ยังมีแผนจัดกิจกรรม OBM สินค้า BCG กับผู้นำเข้าในต่างประเทศ โดยประสานงานกับสำนักงานทูตพาณิชยื58 แห่งทั่วโลก เช่นคูหาสินค้าอาหารแห่งอนาคต ในงาน THAIFEX Anuga Asia/ โซนสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแนวรักษ์โลก ในงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok และนำผู้ประกอบการ BCG เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Milan Design Week อิตาลี (สินค้าไลฟ์สไตล์) / MQ Vienna Fashion Week ออสเตรีย (แฟชั่นแบบยั่งยืน โดยนักออกแบบ Designers’ Room & Talent Thai)/ China International Import Expo นครเซี่ยงไฮ้ (อาหารแห่งอนาคต)/ The International Horticultural Expo เนเธอร์แลนด์ (อาหารแห่งอนาคต) เป็นต้น