1 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2566) มีจำนวน 92 โครงการ มูลค่าการลงทุน 90,305 ล้านบาท โดยเป็นการขอรับการส่งเสริมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จำนวน 78 โครงการ มูลค่าการลงทุน 88,632 ล้านบาท
ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และยานยนต์และชิ้นส่วน
ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่การพัฒนาโครงการ Eastern Seaboard จนมาเป็นคลัสเตอร์ของอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และอาหารแปรรูป
รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ ซึ่งล้วนเป็น Growth Engine ของไทย อีกทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมและดีที่สุดในภูมิภาค ทั้งท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรม นายนฤตม์ กล่าว
ทั้งนี้ บีโอไอร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออก จัดงาน "NEW Economy, NEW Opportunities" เพื่อประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ โดยประเดิมคิกออฟที่ภาคตะวันออก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของอีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของไทยในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศโดยมีผู้สนใจร่วมงานกว่า 500 คน
โดยในงานดังกล่าวบีโอไอได้นำเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนในภาคตะวันออก อาทิ มาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม
มาตรการส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคและศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทย รวมทั้งมาตรการ LTR Visa ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่บุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญพิเศษครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยต้องการผลักดันให้เกิดการลงทุน
อย่างไรก็ดี บีโอไอมีแผนจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ไปยังจังหวัดต่างๆทุกภูมิภาค เพื่อสร้างการรับรู้แก่นักลงทุน โดยครั้งต่อไปจะมีการจัดงานสัมมนาใหญ่สำหรับนักลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือที่เชียงใหม่ในวันที่ 28 เมษายน 2566