กรุงเทพโพลล์ ผนึกคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสแรก/2566 ”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,207 คน
จากการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ หรือการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสแรก ปี 2566 โดยได้ทำการเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา (ช่วงเดือน ม.ค. 2566) ในประเด็นต่างๆ พบว่า
ประชาชนเห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคตมากที่สุด คิดเป็น 62.45% (โดยเพิ่มขึ้น 6.6%) รองลงมาคือ มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจ ในอนาคตข้างหน้า คิดเป็น 56.3% (เพิ่มขึ้น 3.6%) และเห็นว่าตนเองมีความรู้ความสามารถรวมถึงทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มทำธุรกิจใหม่ คิดเป็น 51.2% (เพิ่มขึ้น 0.6%) ขณะที่เห็นว่าไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว คิดเป็น 65.8% (เพิ่มขึ้น 2.4%)
สาเหตุที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองมากที่สุดคือ ปัญหาเงินเฟ้อในปัจจุบัน ค่าครองชีพสูง คิดเป็น 47.3% รองลงมาคือ ไม่มีเงินทุนมากพอ คิดเป็น 44.9% น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ราคาสูงขึ้น คิดเป็น 39.3% กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน คิดเป็น 36.2% และคิดว่างานที่ทำอยู่มั่นคงแล้ว เลี้ยงตัวเองได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 28.8
เมื่อถามว่าปีนี้ประชาชนอยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่มากน้อยเพียงใด หลังจากสถานการณ์โควิดหมดไป การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนใหญ่ 66.5% ระบุว่าอยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ 33.5% ระบุว่า อยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด