สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 4.75 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 80.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.04 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 84.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอเปกพลัสจะคงนโยบายการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้
การตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ปริมาณการปรับลดการผลิตน้ำมันโดยรวมของโอเปกพลัสอยู่ที่ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก โดยโอเปกพลัสระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญของการตัดสินใจในครั้งนี้
รายงานระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบสำหรับส่งออกไปยังตลาดเอเชียในเดือนพ.ค. หลังกลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดการผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ทำการสำรวจโรงกลั่นน้ำมัน 5 แห่งของเอเชียพบว่า ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) สำหรับราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light ประมาณ 20 เซนต์/บาร์เรล สู่ระดับ 2.70 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มราคาน้ำมันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ผลการสำรวจระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Medium ประมาณ 20 เซนต์/บาร์เรล และปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบ Arab Heavy ประมาณ 80 เซนต์/บาร์เรล
โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน โดยคาดว่าสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบในเดือนธ.ค. 2566 จะเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ สู่ระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่าสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบในเดือนธ.ค. 2567 จะเพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ สู่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล