ผ่าธุรกิจ “หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพร ที่ ลิซ่า BLACKPINK ทำขาดตลาด

05 เม.ย. 2566 | 10:33 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2566 | 10:44 น.

ผ่าธุรกิจ “หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพร ที่ ลิซ่า BLACKPINK ทำขาดตลาด จนทำให้เกิดการค้นหา “ยาดมลิซ่า” ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลธุรกิจพบความน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ธรรมดา

กลายเป็นกระแสฟีเวอร์สุด ๆ สำหรับสาว “ลิซ่า BLACKPINK” ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็กลายเป็นกระแสความนิยมตามกันมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโลกออนไลน์ได้แชร์ภาพสาวลิซ่า ซึ่งในมือเธอได้ถือยาดมสมุนไพรยี่ห้อหนึ่งของไทย จนในที่สุดเกิดกระแสการแชร์กันต่อ ๆ และทำให้เกิดการค้นหา “ยาดมลิซ่า” ว่าคืออะไร

จนในที่สุดก็พบว่า ในมือของนักร้องสาวลิซ่านั้น คือ ยาดมยี่ห้อคุ้นเคยของไทยที่เห็นกันอย่างโดยทั่วไปในร้านสะดวกซื้อ นั่นคือ ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย

ด้วยกระแสฟีเวอร์ครั้งนี้ เพียงแค่พริบตาเดียวก็ทำเอายาดมยี่ห้อดัง มียอดขายพุ่งจนผู้ผลิตต้องออกมาแจ้งขออภัยลูกค้า โดยระบุว่า ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 (หลอดสองด้าน) มีกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ ทำให้สินค้าตอนนี้หมดสต๊อกไปเป็นที่เรียบร้อย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ลิซ่า BLACKPINK" ทำยาดมสมุนไพรไทยขาดตลาด

 

ภาพประกอบข่าว ผ่าธุรกิจบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ยาดมลิซ่า BLACKPINK

สำหรับข้อมูลธุรกิจของบริษัทผู้ผลิตยาดมสมุนไพรที่กำลังเป็นกระแส “ยาดมลิซ่า” นั้น ฐานเศรษฐกิจ ได้ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจพบว่า ผู้ที่ผลิตและจัดจำหน่าย คือ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด

โดยเมื่อเช็คข้อมูลการทำธุรกิจของหงส์ไทย ผ่านระบบบริการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจร Creden Data จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้

บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด 

จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2555 เป็นเวลานานกว่า 10 ปี 4 เดือนแล้ว ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยอยู่ในประเภทธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค ที่มีวัตถุประสงค์ คือ ผลิตและจำหน่ายยาดม,ยาหม่อง โดยมีนายธีระพงศ์ ระบือธรรม เป็นเจ้าของ

ขณะที่ผู้ถือหุ้น พบว่ามีด้วยกัน 3 คน โดย ธีระพงศ์ ระบือธรรม ถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 80% รองลงมาคือ ดุสิตา ระบือธรรม และ สมหวัง วรสุข ถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันคนละ 10%

ส่วนงบการเงินบริษัท (งบการเงินนำส่งปี 2564) มีดังนี้

  • สินทรัพย์รวม 24,176,561 บาท
  • หนี้สินรวม 53,904,119 บาท
  • รายได้รวม 24,849,262 บาท
  • รายจ่ายรวม 29,913,505 บาท
  • ขาดทุน 5,157,519 บาท