อัพเดตบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว 13.1 ล้านราย

18 เม.ย. 2566 | 14:15 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2566 | 14:15 น.

โฆษกคลัง เผย ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุดยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว 13.1 ล้านราย เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 1 พ.ค.นี้

18 เมษายน 2566 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ผ่านเกณฑ์) ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว

โดยข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 13,145,989 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 90.06 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) และผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนจำนวนทั้งสิ้น 1,419,557 ราย ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด

ทั้งนี้ หากยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 เมษายน 2566 จะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

จึงขอให้ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนรีบดำเนินการยืนยันตัวตนให้แล้วเสร็จ เพื่อรักษาสิทธิสวัสดิการตามโครงการฯ

ทั้งนี้ รายละเอียดช่วงเวลาการยืนยันตัวตนและวันที่เริ่มใช้สิทธิตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ปรากฏตามตารางช่วงเวลาการยืนยันตัวตน วันที่เริ่มใช้สิทธิ การได้รับสิทธิ 27 มี.ค. - 26 เม.ย. 66 1 พ.ค. 66 ได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (ร้านธงฟ้าฯ) เท่านั้น)

  • 27 เม.ย. - 26 พ.ค. 66 1 มิ.ย. 66 
  • 27 พ.ค. - 26 มิ.ย. 66 1 ก.ค. 66 
  • 27 มิ.ย. 66 เป็นต้นไป 1 ส.ค. 66 ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้

สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จเนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ในกรณีนี้ ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง

นอกจากนี้การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอาจเกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ซึ่งผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่านขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยฯ ต่อไป

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยดำเนินการได้ผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้

1.ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ .mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือ

2.ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่

  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารกรุงไทยฯ
  • ธ.ก.ส.
  • สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด
  • ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
  • สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือ
  • ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์

ทั้งนี้ เมื่อผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติได้ทำการยื่นขออุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ขอให้ไปติดต่อเพื่อขอตรวจสอบและ/หรือขอปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้องได้ที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด

โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยข้อมูลจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 1,247,494 ราย

สำหรับความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 (ผู้มีสิทธิฯ) ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 3,668.24 ล้านบาท

จากผู้มีสิทธิฯ จำนวนกว่า 11.53 ล้านราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าฯ จำนวน 3,418.56 ล้านบาท วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 214.45 ล้านบาท และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 35.23 ล้านบาท ตามลำดับ